Asd

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

มหาสติปัฏฐานสูตร

อุบายกำจัดกามฉันทะ

คัดย่อจาก มหาสติปัฏฐานสูตร ของคุณดังตฤณ

อุบายกำจัดกามฉันทะ

"วัตถุกาม" คือวัตถุอันน่าใคร่หรือกามคุณ 5 ได้แก่รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม และสำคัญคือเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด

"กิเลสกาม" จะหมายถึงตัวของกิเลสที่มีอยู่ในใจ หรือธรรมชาติที่ทำให้เกิดความใคร่

คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน พิศวาสรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสแตกต่างกัน

หาก เราทราบยอดสุดแห่งกามประจำตนเอง ก็เหมือนรู้ตัวหัวหน้าโจร ถ้ากำจัดเสียได้จะทุ่นแรงลงมาก ตัวอย่างเช่นวัตถุกามหลักสำหรับผู้ชายนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นรูปหญิง ท่าทีที่มีต่อรูปหญิงจึงควรชัดเจน

ในมหาปรินิพพานสูตร พระสุตตันตปิฎกเล่ม 2 พระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ว่าภิกษุทั้งหลายพึงปฏิบัติต่อสตรีเพศอย่างไร พระองค์ตรัสตอบว่า ไม่เห็นเลยดีที่สุด พระอานนท์ทูลถามว่าถ้าจำเป็นต้องเห็นจะให้ทำอย่างไร พระองค์ตรัสตอบว่า ถ้าต้องเห็นก็อย่าคุยด้วย พระอานนท์ทูลถามว่าถ้าจำเป็นต้องคุยด้วยจะให้ทำอย่างไร พระองค์ท่านตรัสตอบว่า ถ้าต้องคุยด้วยก็ให้ตั้งสติไว้

สรุป คือพระพุทธองค์สนับสนุนผู้ออกบวช หรือผู้ตั้งใจเก็บตัวบำเพ็ญเพียรในสติปัฏฐาน 4 เพื่อความหลุดพ้น ให้ห่างจากวัตถุกาม ชนิดไม่เห็นเลยได้ก็ดี ลอง นึกดูว่าระหว่างเอาผ้าผูกตากับเอาเชือกมัดมือมัดเท้าอันไหนง่ายกว่ากัน การไม่เห็นเลยคือไม่เอาของใหม่เข้า และรื้อถอนของเก่าที่มีอยู่ออกให้หมด ซึ่งแน่นอนว่านั่นคงเป็นเรื่องของบรรพชิต หรือผู้ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะสละโลก เพื่อเพียรทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ผู้มีความจำนงงดกามด้วยการปลีกวิเวกไปในที่ที่ไม่ต้อง พบเจอภาพยั่วยวนต่างๆนานา ผู้ "ภาวนาเป็น" ส่วนใหญ่แม้ยังต้องอยู่ในเมืองก็เลือกเอาตัวออกห่างจากสื่ออันล่อหูล่อตา ทั้งหลายเช่นโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ชนิดมุ่งปรุงกิเลสกามให้ท่วมท้น
แต่ถ้าต้องเห็น ต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามมารยาทสังคม ก็ต้องตั้งสติไว้

กรรมฐาน 5 คือการให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ตามลำดับ แล้วย้อนลำดับคือ หนัง ฟัน เล็บ ขน ผม

การ ป้องกันกามฉันทะที่ดีที่สุด ได้ผลจริงกว่าอุบายอย่างอื่นใดหมดก็คือทำให้จิตรวมลงเป็นหนึ่งด้วยการเห็น กายตัวเองเป็นสิ่งโสโครก และกรรมฐาน 5 ก็เป็นอุบายอย่างง่ายที่ใครก็ทำได้ เห็นผลเร็ว และยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้แต่อย่างเดียว อันจะเป็นเหตุให้กามฉันทะที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะละเสียได้ เหมือนอสุภนิมิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลใส่ใจอสุภนิมิตโดยแยบคาย กามฉันทะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และกามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะละเสียได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น