Asd

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มหากาพย์ มหาภารตะ ชีวิตในราชสำนัก การเล่นสกา การเนรเทศ

หลังจากที่โทรณาาจารย์ถูกท้าวทรุปัทม์เจ้าเมืองปัญ จาละอดีตเพื่อนสนิทขับไล่ไสส่งจากแคว้นแล้ว โทรณาจารย์ก็เดินเดินทางตุหรัดตุเหร่มายังหัสตินปุระ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเมียแก จนเจอเจ้าชายทั้งฝั่งเการพและปาณฑพ หลังจากที่ท้าวภีษมะทราบว่าโทรณาจารย์มายังเมืองหัสตินปุระ ท้าวภีษมะก็ได้แต่งตั้งให้โทรณาจารย์เป็นพระอาจารย์ใหญ่ของเจ้าชายทั้ง 105พระองค์ วิชาที่โทรณาจารย์ถนัดมากที่สุดคือวิชายิงธนู ซึ่งในบรรดาเจ้าชายทั้งหมดก็จะมีคนที่ไม่ใช่ลูกกษัตริย์คนหนึ่งมาเรียนด้วย ชื่อ กรรณนะ ประเดี๋ยวจะเล่าถึงอดีตของกรรณนะทีหลังนะครับ

ใน บรรดาลูกศิษย์วิชาธนูที่จัดได้ว่าเจ๋งเป้งมากที่สุดเรียนแล้วพระอาจารย์ happy ก็คือ อรชุน ซึ่งอรชุนก็คือลูกของพระนางกุณตีอันเกิดจากการเรียกเทพมาเป็นพ่อเด็ก ซึ่งพ่อของอรชุนก็คือ พระอินทร์ อรชุนก็แสดงฝีมือให้เห็นตั้งแต่เด็กๆว่าเก่งสุดยอด ซึ่งถ้าเรื่องกำลังต้องยกให้ ภีมะ พี่ชายผู้ดื่มน้ำอมฤตเพิ่มพลังจากพญานาค แต่ถ้าเรื่องอาวุธ รบพุ่ง ต้องยกให้อรชุน ครั้นเมื่อสอนเจ้าชายทั้ง105องค์แล้วโทรณาจารย์ก็อยากจะทดสอบฝีมือซะหน่อย ว่าไอ้ที่สอนมาเป้นอย่างไรบ้าง แกก็เรียกลูกศิษย์ทั้งหมดออกมา สั่งเตรียมธนูเตรียมลูกศรให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ชี้ไปที่ยอดไม้แล้วบอกว่า

"บนยอดไม้มีนกเกาะอยู่ตัวนึงให้ยิงนกให้หัวขาด ให้ครูดูซะหน่อย " โทรณาจารย์ก็เรียกลูกศิษย์ออกมาทีละคนแล้วพาดศรเตรียมยิงแต่ก่อนยิงโทร ณาจารย์ถามลูกศิษย์ว่า เจ้าเห็นอะไรบ้าง ลูกศฺษย์แต่ละคนก็บอกว่า เห็นใบไม้ เห็นกิ่งไม้ เห็นนก ....ทุกคนตอบเหมือนกันหมด ว่า เห็นใบไม้ เห็นกิ่งไม้ เห็นนก อรชุนนี่ถูกเรียกเป็นคนสุดท้าย โทรณาจารย์ก็ถามเหมือนเดิมว่า อรชุนเจ้าเห็นอะไรบ้าง อรชุนก็ตอบว่า

" ข้าพเจ้าเห็นนก " โทรณาจารย์ถามต่อไปอีกว่า
" นอกจากนกแล้วเจ้าเห้นอะไรอีก"
อรชุนก็ตอบกลับมาว่า
" ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรอีกเลยพระอาจารย์ นอกจากนกข้าพเจ้าก็ยังเห็นแค่หัวของมัน"

แสดงว่าตาของอรชุนนี่จับเป้าตรงเป๋งอย่างเดียวเลย อาจารย์ได้ยินดังนั้นก็ดีใจมากบอกว่า เจ้าคือนักธนูที่ดีที่สุด เอ้า....ยิงโลด
อรชุน ก็ยิง ฟั่บบบ!! นกหัวขาดกระเด็นหายไป ตอนนี้อรชุนก็ถือว่าเป้นศิษย์โปรดเต็มตัวของโทรราจารย์แล้ว ในท้ายที่สุดโทรณาจารย์ก็สอนวิชายิงธนูพิเศษให้กับอรชุนเพียงคนเดียว (ลำเอียงล่ะ ว่าง่ายๆ)ชื่อวิชา พหรมเศียร ซึ่งวิชานี้จะให้ใช้ได้เฉพาะเวลาไปสู้กับเทวดาห้ามยิงบนโลกมนุษย์เพราะจะทำ ให้เกิดไฟบรรลัยกัลป์

user posted image

หลัง จากยิงหัวนกแล้วโทรณาจารย์ก็สั่งให้ลูกศิษย์แบ่งเป็นสองฝ่ายคือ ฝั่ง5พี่น้องปาณฑพและฝั่งพี่น้องเการพ อีก100คนที่เหลือ(โคตรยุติธรรม) ประลองวิชากันซึ่งท้ายที่สุดพี่น้องทั้ง100คนของฝั่งเการพก็สู้5คนพี่น้อง ฝ่ายปาณพพไมได้ จนในที่สุด กรรณนะ ซึ่งเป็นลูกของสารถี(คนขับรถ) ตามจริงแล้วนั้น กรรณนะถือเป็นลูกคนโตของพี่น้องปาณฑพเพราะสมัยที่พระนางกุณตีสำเร็จวิชา เรียกเทพมาใหม่ๆ (สมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานกับท้าว ปาณฑุ ) ก็ได้ลองวิชาเรียกเทพให้มาสมสุ่กับตน

โดยกรรณนะเป็นลูกของ สุริยเทพ(พระอาทิตย์) เมื่อเรียกมาแล้วก็ต้องมีsomethingกัน คิมูจิ๊กันซึ่งตอนที่ กรรณนะเกิดมานี่ กรรณนะเกิดมาพร้อมเสื้อเกราะ(คงลำบากน่าดู)ก็เลยตั้งชื่อว่ากรรณนะแปลว่าผู้ มีเกราะป้องกันตัวซึ่งพระนางกุณตีถือว่ากรรณนะนี้ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากการ แต่งงานก็ไม่รับเลี้ยงไว้จึงเอาไปลอยน้ำ ต่อมาคนขับรถของท้าวทิตราชย์(ราชาตาบอด)ก็ได้เก็บไปเลี้ยงแล้วก็อาศัยอยู่ใน แวดวังดังนั้นเวลาเรียนแกจึงอยู่ฝ่ายเการพพอเห็นว่าฝ่ายตนสู้ไมได้จึงได้ขอ ท้าประลองกับอรชุนแทน แต่ทว่าในตอนนั้นกรรณนะเป็นเพียงลูกคนขับรถไม่สามารถท้าลูกกษัตริย์ซึ่ง วรรณะสูงกว่าได้ก็เลย ต๊ะแปะโป้งความแค้นเล็กๆเอาไว้ก่อน

เมื่อ สำเร็จวิชาทั้งมวลแล้วในอินเดียสมัยนั้นยังไม่มีรับปริญญาอะไรนะครับ เข้ามีแต่พิธี คุรุทักศิษย์ คือทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายมา โทรณาจารย์ก็เรียกเด็กๆ(หนุ่ม)มาบอกว่า เอาล่ะเรียนวิชาก็หมดแล้ว พวกเธอทำอะไรให้พระอาจารย์ซะอย่างนึงนะ งุงิงุงิ

โทร ณาจารย์ก็นึกได้ว่าสมัยก่อนแกเคยโดนท้าวทรุปัทม์อดีตเพื่อนเลิฟขับไล่ไสส่ง แบบไม่ใยดีมา แกก็เลยบอกลูกศิษย์ว่า ช่วยไปล้างอายให้พระอาจารย์หน่อยก็เลยจัดทัพไปกระแทกรบกับแคว้นปัญจาละ ท้าวทุรปัทม์นี่สู้ไมได้เลยครับ เพราะเด็กๆและกองทัพของหัสตินปุระนั้นเก่งมาก แคว้นปัญจาละก็เลยแพ้ไปแถมท้าวทรุปัทม์ถูกกุมตัวไว้เมื่อโทรณาจารย์มาเจอกับ ท้าวทรุปัทม์โทรราจารย์ก็บอกว่า

" เป็นไงเพื่อนรัก บัดนี้เพื่อนเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เพื่อนไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ก็เอาเถิดเห้นแต่ความสนิทที่เคยช่วยเหลือกันมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก เรามีข้อเสนอให้เพื่อนคือ ต้องยกแคว้นปัญจาละครึ่งนึงให้กับเรา ถือว่าเป็นการเจ๊ากันไปสมัยที่เพื่อนไม่รักษาคำพูด" ซึ่งต่อมาจะมีรายการแก้แค้นกันอย่างสาสมครับ

ครั้นเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าชายทั้ง105ก็เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ก็มาเกิดเหตุในลักษณะที่ว่าใครล่ะจะเป็นครองหัสตินปุระต่อจากท้าวทิตราชย์ ซึ่งเป็นพ่อของพี่น้องฝั่งเการพทั้ง100คน ส่วนฝั่งพี่น้องปาณฑพก็อยู่ในเวียงวังด้วยความอึดอัดเพราะพี่น้องตระกูลเกา รพนั้นต่างก็ต้องการกำจัดพี่น้องฝั่งปาณฑพทั้งนั้น ก็ได้มีการเรียกประชุมปุโรหิต รมต ทั้งหลายว่าคนที่เหมาะสมที่จะได้ครองหัสตินปุระต่อไปควรจะเป็น ยุฐธิษฐีระที่เป็นพี่ชายคนโตของฝั่งปาณฑพซึ่งเกิดจากพระนางกุณตีกับธรรมเทพ (พระยม)เมื่อเจ้าชายยุฐธิษฐีระขึ้นเป็นรัชทายาท

ฝ่ายทุรโยชน์พี่ชาย คนโตฝั่งเการพก็พอใจเข้าไปตัดพ้อกับพระราชาทิตราชย์ว่าแบบนี้ไม่ไหวนะพระ บิดาพวกเราซึ่งเป็นลูกของพระองค์แท้ๆทำไมถึงมองข้ามกันได้ ท้าวทิตราชยืนี่จริงๆแล้วมีใจเป้นธรรมแต่อย่างว่าล่ะครับเลือดย่อมเจ้มจ้น กว่าน้ำพูดไปหลายๆครั้งก็เริ่มโอนอ่อน ทุรโยชน์ก็บอกว่าเอางี้พระองค์อยู่เฉยๆลูกจะจัดการเอง พี่น้องเการพก็วางแผนให้พี่น้องปาณฑพไปประพาน์เมืองอื่นแล้วจะฆ่าทิ้งเสีย กลางทาง
ทุรโยชน์ก็บอกกับท้าวทิตราชย์ว่า ให้ลวงพวกพี่น้องปาณฑพนอกเมืองซึ่งขณะนั้นเมือง วรณาวัฒน(วะ-ระ-นา-วัด)ได้มีงานเฉลิมฉลองเทวาลัย

ท้าว ทิตราชย์สั่งให้พี่น้องปาณฑพไปที่เมืองวรณาวัฒนเพื่อร่วมพิธี ทุรโยชน์ก็ไปสั่งคนสนิทให้สร้างพลับพลาที่ประทับให้กับพี่น้องปาณฑพ แต่พลับพลานี้ต้องถูกสร้างให้ติดไฟง่าย กะว่าจะเผากันเลยทีเดียวแต่ว่าโชคดีที่มีคนใหญ่คนโตในหัสตินปุระซึ่งไม่ใช่ ใครที่ไหน คือเรียกว่าเป็นอาว์ของพี่น้องปาณฑพและเการพ ขอเล่าทวนนิดนึงนะครับ ในตอนที่มีการทำพิธีนิโยก พระนางอำภิกา(แม่ของท้าวทิตราชย์)และพระนางอำภาลิกา(แม่ของท้าวปาณฑุ)ในตอน ที่ท้าวปาณฑุเกิดมาเนี่ยร่างกายไม่ค่อยเข้มแข็ง ฤาษีวยาสก็คงอยากจะให้นางอำภาลิกานี่แก้ตัวโดยจะขอคิมูจิ๊รอบสอง

เอ๊า... รอบแรกยังแทบแย่ นี่จะขอเบิ้ล พระนางอำภาลิกายกมือเซย์โนบอกว่าไม่เอา แล้วพระนางก็ให้นางทาษี(ทาษี=ทาษ=คนใช้)มาคิมูจิ๊แทนก็เลยได้ลูกชื่อว่า วิฑูร แม้นว่าวิฑูรนี้จะไม่ใช่ลูกเชื้อสายกษัตริย์โดยตรงแต่ก็ถือว่าเป้นลูกของ ฤาษีวยาสเช่นกันเป็นพี่น้องกับท้าวปาณฑุและท้าวทิตราชย์เช่นกัน ซึ่งท้าววิฑูรนี่คงได้ความระแคะคายมาว่าจะมีการลอบสังหารพี่น้องปาณฑพทั้ง5 พอใกล้จะถึงวันที่นัดแอบเผาพลับพลาวิฑูรก็แอบส่งคนไปบอกพี่น้องปาณฑพ ยุฐธิษฐีระพี่ชายคนโตฝั่งปาณฑพก็เลยสั่งให้คนสนิทแอบขุดอุโมงค์ลับตอนกลาง คืนครั้นเมื่อพลับพลาที่ติดไฟง่ายสร้างเสร็จอุโมงค์ที่ใช้หลบหนีก็เสร็จเช่น กัน

เมื่อทุกอย่างเสร็จทุรโยชน์ก็ให้ลูกน้องไปแอบเผาพลับพลาแต่ไม่ รู้ไปเผาอีท่าไหนไม่ทราบได้ ลูกน้อง5คนที่ไปแอบเผานั้นกลับตายซะเองส่วนที่น้องปาณฑพก็หลบหนีไปตาม อุโมงค์ที่เตรียมไว้ก็กระเซอะกระเซิงไป ก็หนีเข้าป่า เข้ารกเข้าพงไปจนสุดท้ายก็ลัดเลาะมาแคว้นปัญจาละ จำแคว้นปัญจาละได้มั๊ยครับ ปัญจาละเป็นแคว้นของท้าวทรุปัทม์เพื่อนโทรณาจารย์ซึ่งโดนโทรณาจาราย์และลูก ศฺษย์บอมบ์เมืองจนต้องแบ่งให้ครองเมืองครึ่งนึงไงครับ ซึ่งพอเมื่อท้าวทรุปัทม์นั้นรบแพ้ลูกศิษย์ลูกหาของโทรราจารย์แกก็แค้นแต่ก็ รู้ว่ายังไงๆก็สู้โทรณาจารย์และลูกศิษย์ไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีให้ฤาษีขอลูกจากเทพ(คนละแบบกับพิธีนิโยก)

ก็ จับพลัดจับผลูไปได้ฤาษีสองคนมาช่วย คนแรกชื่อ ญาชก(ยา-ชะ-กะ)กับ อุปญาชก(อุบ-ปะ-ยา-ชะ-กะ)ทั้งสองคนนี้มีอิทธิฤทธิ์มากท้าวทรุปัทม์ก็เลยจัด พิธีขอลูกจากเทพอย่างเอิกเกริก
ซึ่งท้าวทุรปัทม์นี้ได้ลูกมาสามคนเป็นผู้ชาย2คน โดยแกตั้งเป้าไว้ว่า
1.ลูกคนแรกจะต้องเป็นคนที่ฆ่าโทรณาจารณ์
2.ลูกคนที่สองจะต้องเป็นคนที่ฆ่าท้าวภีษมะ(ปู่ของพี่น้อง เการพและปาณฑพ)
3.ลูกคนที่จะทำให้ตระกูลเการพนั้นมีปัญหา

โดย คนแรกชื่อ ทิศฎทยุมัน(ทิด-สะ-ตะ-ทะ-ยุ-มัน) คนที่สองชื่อ ศิขัณฑิน(สิ-ขัน-ทิน) ซึ่ง ศิขัณฑินนี้คือพระนางอำภากลับชาติมาเกิด พระนางอำภาคือลูกสาวราชาแคว้นกาษีที่เคยจะต้องแต่งงานกับภีษมะแต่ภีษมะไม่ ยอมแต่งงานด้วยแถมแฟนเก่าตัวเองก็ไม่ยอมรับอีก พระนางอำภาจึงไปบำเพ็ญศีลที่เทือกเขาหิมาลัยจนตัวเป็นน้ำแข็งแล้วฆ่าตัวตาย ซึ่งกลับมาเกิดเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง ส่วนคนสุดท้ายเป็นผู้หญิง ชื่อ กฤษณา(กริด-สะ-หนา) หรือรู้กันในอีกชื่อหนึ่งว่า พระนาง เทราปตี



ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปตัวละครต่างๆก็เติบโตขึ้นตามๆกัน ทั้งพี่น้องเการพและปาณฑพ ลูกของท้าวทรุปัทม์ทั้งสามคน



พอ5พี่ น้องปาณฑพและพระนางกุณตีผู้เป็นแม่หนีการลอบวางเพลิงจากคนของทุรโยชน์มาได้ ก็ซัดเซพเนจรมายังแคว้นปัญจาละ ซึ่งในเวลานั้นแคว้นปัญจาละกำลังมีพิธีให้เจ้าชายแคว้นต่างๆมาประลองกันโดย ใครที่ชนะก็จะยกลูกสาวให้ คือในอินเดียนี่มีประจำ คือจัดแข่งแล้วยกลูกสาวให้ไปเลย ซึ่งทางแคว้นหัสตินปุระก็มีทุรโยชน์ ทุหศาสัน(น้องรอง) และกรรณนะ มาร่วมประลอง ส่วนฝั่งพี่น้องปาณฑพซึ่งอยู่ในระหว่างหลบหนีก็ได้เข้าร่วมประลองแต่ปลอมตัว เป็นพราหม ส่วนวิธีประลองก็ไม่ยากครับ ท้าวทรุปัทม์สั่งให้เตรียยมธนูซึ่งหนักมากและมีเป้าคือปลาที่ห้อยหมุนติ้วๆ อยู่บนยอดไม้ กติกาคือให้ดูเงาในถังใส่น้ำแล้วให้ยิงให้โดนปลา

คือ ให้คำนวณแสงหักเหเอาเอง เจ้าชายยุวกษัตริย์ทั้งหลาย บางคนก็ยกธนูไม่ขึ้น บางคนยกขึ้นแต่ก็ยิงไม่โดน พอยิงกันไมดไม่มีใครยิงได้สักคน อรชุนซึ่งปลอมตัวเป็นพราหมก็เดินออกมา ง้างธนูก้มดูน้ำ ซัดเปรี้ยง
ปลากระเด็น เรียบร้อย เลยได้นางเทราปตีซึ่งใจของท้าวทรุปัทม์เนี่ยไม่อยากได้พราหมเป็นลูกเขยจริงๆ แกอยากได้อรชุนเป็นเขยแต่ไม่รู้ว่าพราหมคนนั้นแหล่ะคืออรชุนปลอมตัวมา พอได้พระนางเทราปตีตกเป็นของอรชุน ก็เกิดรายการฮือสิครับ พวกเจ้าชายยุวกษัตริย์ทั้งหลายต่างก็ไม่ยอม ตุ๊บตั๊บ ชกต่อยสู้กันอยู่พักใหญ่ 5พี่น้องก็อาศัยช่วงชุลมุนแอบหนีไป

user posted image

ส่วน ตัวแม่หรือพระนางกุณตีนั้นก็อยู่ที่บ้าน คือทำงานบ้านกุบกิบไปเรื่อยเปื่อย พอพี่น้องปาณฑพกลับมาถึงอรชุนก็ตะโกนบอกแม่เข้าไปในบ้านว่า "แม่จ๋าพวกลูกกลับมาแล้ว วันนี้พวกเราได้ของดีมีค่ากลับมาด้วย"
พระนางกุณตีซึ่งไม่รู้เหตุการณ์อะไรมาก่อนจึงตะโกนออกไปว่า "ได้ของดีอะไรมา พวกเจ้าต้องแบ่งกันนะ"
ซึ่งสมัยนั้นเรียกได้ว่าคำพูดของแม่คือ วาจาสิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น