Asd

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มหากาพย์ มหาภารตะ ชีวิตในราชสำนัก การเล่นสกา การเนรเทศเหล่าปาณฑพ

หลัง จากที่พี่น้องปาณฑพทั้ง5คนได้ยินเสด็จแม่พูดแบบนั้นแล้ว หลายท่านก็อาจจะงงว่า เอ๊ะจะแบ่งกันยังไง จะอยู่กันยังไง ก็จะขอเล่าตำนานของพระนางเทราปตีให้ฟังสักเล็กน้อยนะครับ

พระนางเทราปตีเมื่อชาติที่แล้วชื่อว่า นาราญาณี เป็นเมียของฤาษีเฒ่า นางนาราญาณีเป็นคนตามใจสามีมากและฤาษีคนนี้มินิสัยขี้บ่น จู้จี้ จุกจิก มาก แต่นางนาราญาณีนี้ก็ไมได้รังเกียจรังงอนอะไรสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ทำเต็มที่ทำเท่าที่จะทำได้ก็อยู่ด้วยกันหลายปี ฤาษีก็เรียกนางนาราญาณีมาบอกว่า จริงๆแล้วที่ตนแกล้งจู้จี้ขี้บ่น ต่างๆนานานั้นหวังที่จะลองใจนางนาราญาณีดูเท่านั้น เมื่อผ่านการทดสอบแล้วนางนาราญาณี จะขอพรอะไรกับตน นางนาราญาณีก็บอกว่าขอฤาษีนั้นรักเธอเหมือนกับที่ผู้ชาย5คนรักเธอในเวลา เดียวกัน ฤาษีเฒ่าก็ให้พรแล้วทั้งสองก็ใช้ชีวิตร่วมกันจนกระทั่งฤาษีเฒ่านั้นมี ภูมิธรรมสูงจนเกิดความเบื่อหน่ายแล้ว(กะว่าจะตายแล้วว่างั้น)แต่นางนาราญาณี นั้นไม่ยอมเพราะนางมีความสุขเมื่ออยู่กับฤาษีเฒ่ามาก แต่ฤาษีเฒ่าก็ยังยืนยันว่าจะไม่อยู่แล้ว อยากตายเต็มแก่

นางนาราญาณีจึงบำเพ็ญตบะแล้วขอพรต่อพระศิวะ ว่า " ฉันต้องการสามี ฉันต้องการสามี ฉันต้องการสามี ฉันต้องการสามี ฉันต้องการสามี "

พระศิวะได้ยินก็เลยบอกไปว่า " โอ๊วววเค จัดให้ ชาติหน้าเจ้าจะเกิดมีหน้าตาสวยงามและมีสามี5โคนนนนนน"

"จ๊ากกก พระคุณเจ้า 5คนเชียวเหรออออ!!! หม่อมฉันจะรับไหวหรือ"

พระศิวะก็บอกว่า " I cannot help it!, ช่วยบ่ได้เว้ย ก็ฉันได้ยินเธอร้อง5ครั้งนี่นา" แล้วพระศิวะก็หายไป

ท้าวทรุปัทม์พ่อของพระนางเทราปตีนั้นตอนแรกก็กังวล ว่าลูกสาวจะไปตกระกำลำบากกับพราหมณ์ก็เลยสั่งให้ทหารไปเชิญตัวมาอยู่ในวัง แคว้นปัญจาละด้วยกัน ครั้งเมื่อท้าวทรุปัทม์เห็น ยุธิษฐีระซึ่งเป็นพี่คนโตซึ่งมีลักษณะน่าเกรงขาม(มีออร่า)และคิดในใจว่า พราหมณ์หนุ่มพวกนี้ไม่ใช่พราหมณ์ทั่วไปแน่ๆจึงได้ถามว่าความจริงว่าพวกท่าน นั้นคือใคร ยุธิษฐีระก็จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าพวกตนเป็นพี่น้องปาณฑพ ตนเป็นพระยุพราชย์ของหัสตินปุระ ส่วนพราหมณ์ที่ชนะในการประลองยิงปลาบนยอดเสาด้วยธนูนั้นเป็นน้องคนที่3ของตน ชื่อ อรชุน

ท้าวทรุปัทม์ได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และจัดให้มีงานอภิเษกสมรมรสกันอย่างยิ่งใหญ่ในแคว้นปัญจาละข่าวการอภิเษกสม รมรสได้เข้าหู ทุรโยชน์ยังความเคียดแค้นแก่ทุรโยชน์และพี่น้องอีก99คน ทั้ง100คนจึงได้เข้าเฝ้าท้าวทิตยราชย์ผู้เป็นพ่อ ว่า "พวกมันคงต้องทำลายล้างพวกเราเป็นแน่ โดยเฉพาะท้าวทรุปัทม์ซึ่งเป็นสัสสุระ(พ่อตา)นั้น มีพรรคพวกเพื่อนพ้องและกำลังพลอยู่ไม่ใช่น้อย"

ท้าวทิตยราชย์จึงนำ ความเข้าปรึกษาท้าววิฑูรน้องชายและเหล่าอำมาตย์ ทั้งหมดต่างก็มีความเป้นว่าให้ยกแผ่นดินให้พวกพี่น้องปาณฑพไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็เลิกแล้วต่อกันไป ท้าววิฑูรจึงเป็นตัวแทนไปหาพี่น้องปาณฑพทั้ง5ที่แคว้นปัญจาละพร้อมทั้ง บอกว่าให้พี่น้องปาณฑพและพระนางกุณตีกลับไปอยู่ที่หัสตินปุระตามเดิม พอพี่น้องทั้ง5และพระนางกุญตีกลับมาอยู่ที่หัสตินปุระแล้วท้าวทิตยราชย์จึง รับสั่งให้พี่น้องทั้งหมดเข้าเฝ้า เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วท้าวทิตยราชย์ก็เอ่ยมาว่า

" หลานรักทั้ง5ของลุง อะไรที่ผ่านมาแล้วนั้นก็ขอให้แล้วไปนะ อย่างไรเราก็สายเลือดเดียวกัน ต่อจากนี้ไปลุงจะยกแผ่นดินให้พวกหลานส่วนหนึ่ง คือยกดินแดน ขาณฑวปรัสถ์ ให้พวกเจ้า ส่วนพวกเจ้าจะดูแลอย่างไรก็สุดแล้วแต่พวกเจ้าเถิด"

พี่ น้องทั้ง5 แม่และเมียอีก1 จึงได้ย้ายสำมะโนครัวอีกครั้งไปอยู่ยังแคว้น ขาณฑวปรัสถ์ (ขาน-ทะ-วะ-ปรัด) พี่น้องและไพร่ฟ้าประชาชนที่ติดตามมาด้วยก็ได้ก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ จากทุ่งนาแห้งแล้งกันดารเป็นเมืองใหม่สุดไฮโซและ ให้ชื่อเมืองใหม่ว่า อินทรปรัสถ์(อิน-ทะ-ระ-ปรัด : ที่ราบสูงแห่งพระอินทร์-ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของนิวเดลีปัจจุบัน ส่วนหัสตินปุระนั้นอยู่เยื้องไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ57ไมล์)และทั้ง หมดต่างก็อยู่ด้วยกันอย่างผาสุก

แม้ว่าจะมีเมียคนเดียวกันแต่พี่น้อง ทั้ง5นั้นแต่ทั้ง6ก็ไม่เคยมีปัญหากันเลยจนสมเด็กรมพระปรมานุชิตชิโนรสได้ทรง นิพนธ์ชีวิตของพระนางเทราปตีตอนนี้ว่า

อัครเรศเกศแก้วกฤษณา ยิ่งยศปรีชา
เฉลียวเฉลิมโลกีย์

ประติบัติกษํตราสวามี ห้าองค์นฤบดี
เสน่ห์สนิทนิจกาล

ห่อนเคียดขึ้งคำราคาญ เขษมสุขสำราญ
ภิรมย์ฤดีปรีดา

ผลัดเปลี่ยนเวียนเวรราชา ถนอมแนบนิทรา
ละวันบรรโลมโฉมสมร

(จากหนังสือ กฤษณาสอนน้องคำฉันท์)

ก็ หลังจากที่พระนางเทราปตีนั้นได้มาอยู่กับพี่น้องปาณฑพทั้ง5แล้วที่นครอินทร ปรัสถ์ ซึ่งทั้ง5ต่างก็มีกติกาในการแบ่งเวลาที่อยุ่กับนางเทราปตีว่า

1.จะอยู่กับคนใดคนหนึ่งเป็นเวลา2ปี
2.ในระหว่างที่พระนางเทราปตีอยู่ในห้องกับสามีคนใดคนหนึ่งสองต่อสองห้ามพี่น้องคนอื่นเข้าไปเด็ดขาด
3.ถ้าไม่ใช่เวรตัวเอง แต่ดันมีอารมณ์รักใคร่ให้ไปแม่น้ำคงคาแล้ววักน้ำล้างหน้าล้างตาให้หายของขึ้นซะ

ซึ่งถ้าใครปิดกติกาต้องเนรเทศตัวเองไปอยู่ที่อื่น12ปี และพี่น้องทั้งหมดต่างก็อยู่ด้วยกันภายใต้กติกาอันนั้นมาตลอดจนกระทั่งวัน หนึ่งมีพราหมณ์เฒ่ามาร้องห่มร้องไห้หน้าประตูวังว่า โคที่เคยให้นมอย่างอุดมสมบูรณ์ของตนนั้นถูกลักไป จึงมาขอร้องให้พี่น้องปาณฑพช่วยตามโคกลับมาที อรชุนได้ทราบความเป็นคนแรกด้วยสำนึกในหน้าที่อรชุนก็พรวดเข้าไปใน้ห้องเพื่อ ไปหยิบธนูอาวุธคู่กายของตนโดยไม่ได้สังเกตุว่า ยุธิษฐีระพี่ของตนั้นกำลังนั่งคุยกับพระนางเทราปตีในห้องดังกล่าวนั้นเอง พอเมื่อตามเอาโคมาคืนพราหมณ์เฒ่าเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่า พี่ของตนกับนางเทราปตีนั้นกำลังอยู่ด้วยกัน อรชุนจึงต้องเนรเทศตัวเองออกไปผจญภัย12ปี ท่ามกลางการทัดทานของยุธิษฐีระ

ซึ่งช่วงเวลา12ปีนี้ที่อรชุนไปผจญภัยนี้สนุกมากครับ แต่มันก็ยาวมากเช่นกัน จะขอเล่าประเด็นหลักๆแล้วกันนะครับ
คือ หลังจากที่อรชุนออกไปลุยโลกกว้างคนเดียว อรชุนได้ลุยไปถึงนครของพวกพญานาคและได้นาง อุลูปี ธิดาพญานาคเป็นเมียคน(ตน)ที่2 เดินทางไปยังเมือง มณีปุระ และก็ได้นางจิตรา หรือ จิตรางคทา เป็นเมืยคนที่3และมีลูกด้วยกันชื่อ พภรูวาหนะ(พะ-พรู-วา-หะ-นะ) ต่อจากนั้นก็ได้ลุยไปถึงเมืองทวารกา(ทะ-วา-ระ-กา หรือ ทราราวดี) ซึ่งเป็นนครของพระกฤษณะซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่น้องปาณฑพทั้ง5และอรชุนก็ ได้แต่งงานกับนางสุภัทรา ซึ่งเป็นน้องสาวของพระกฤษณะ ต่อมามีลูกชาย ชื่อ อภิมันยุ ซึ่งอภิมันยุนี้เก่งมากครับและมีบทบาทมากในการรบที่ทุ่งกุรุเกษตรในเวลาต่อ มา

พอครบ12ปี อรชุนก็กลับมายังเมืองอินทรปรัสถ์พร้อมกับพระนางสุภัทราและพระกฤษณะ ซึ่งพระกฤษณะนี้ก็ไปๆมาๆระหว่างอินทรปรัสถ์-ทวารกานะครับ อีกทั้งยังเป็นคอนเซาท์แต้น ของเหล่าปาณฑพด้วย

user posted image
พระกฤษณะและอรชุน

เมื่อเรื่องราวทั้งหมดลงตัวแล้ว พระนางเทราปตีก็ได้ให้ลำเนิดลูกๆแก่บรรดาพี่น้องทั้ง5คนโดยเริ่มจาก
1.ประติวินธัยเป็นลูกของ ยุธิษฐีระ
2.ศรุตโสมเป็นลูกของ ภีมะ
3.ศรุตกรรมเป็นลูกของ อรชุน
4.ศตานีกะเป็นลูกของ นกุล
5.ศรุตเสนเป็นลูกของ สหเทพ


หลังจากที่สร้างบ้านแปงเมืองที่อินทรปรัสถ์กใหญ่ แล้วก็ได้มีเหตุเฟาเฟาเหม้า(ไฟไหม้)ป่าชานเมืองแบบว่าไหม้มโฬรเหมือนที่แคลิ ฟอร์เนียตอนนี้เลยครับ ซึ่งหลังจากเฟาเหม้าในครั้งนั้นก็มี มัยทานพหนุ่ม(ช่างก่อสร้าง)รอดจากกองไฟไหม้ป่าครั้งนั้นมัยทานพหนุ่มก็อยาก จะตอบแทนบุญบารมีของพี่น้องปาณฑพทั้ง5จึงขอขันอาสาสร้างสภาเมืองให้โดยใช้ เวลาการสร้าง14เดือน ซึ่งสภาของเมืองอินทรปรัสถ์นั้นงดงามมากชนิดที่ว่าสภาของหัสตินปุระเทียบไม่ เห็นฝุ่นเลยทีเดียว

ซึ่งนับถึงตอนนี้เรื่องราวก็เริ่มขมวดเกลียวแข็ง ปั๋งทวีความแค้นขึ้นกับทุกฝ่าย ทางฝั่งเการพนำโดยทุรโยชน์ก็แค้นที่ว่าไม่สามารถฆ่า5พี่น้องปาณฑพได้สักที แถมยังสร้างเมืองเจริญแซงหน้าหัสตินปุระที่ตนอยู่ แบบว่า ขายหน้ามาก
ทาง ฝั่งปาณฑพก็แค้นทุรโยชน์และพี่น้องฝั่งเการพเพราะที่ตนและแม่ลำบากลำบนดั้น ด้นจากหัสตินปุระไปตั้งเกือบ20ปีเพียงเพราะทุรโยชนือิจฉาและต้องการที่จะฆ่า พวกตนเสีย

การรบที่ทุ่งกุรุของทั้ง2ฝั่งนั้นมีเหตุหลักๆที่เสริมมาอีก2เหตุครับ

เหตุแรกก็คือการพนัน ส่นเหตุที่สองก็มาจากตัวพระนางเทราปตีครับ

ผมขอเล่าที่มาของพระกฤษณะในภาคของมหาภารตะนี้ก่อนนะครับ เพราะพระกฤษณะนี้มีบทบาทมากทีเดียวในมหาภารตะครับ

เริ่ม ที่ว่าพระกฤษณะนั้นเดิมทีอยู่ราชวงศ์ ยาฑพหรือยาทป(ยา-ถบ หรือ ยา-ทะ-ปะ)ซึ่งมีพระราชาชื่อว่า ศูร(สู-ระ)ปกครองชาวสุรเสนในนครมธุราซึ่งแคว้นมธุรานี้ก็อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ยมุนาตอนเหนือใกล้ๆกับกรุงอินทรปรัสถ์ พระราชาศูรนี้มีลูกด้วยกันสองคน คนโดเป็นผู้ชายชื่อเจ้าชายวสุเทพ อีกคนเป้นลูกสาวชื่อเจ้าหญิง กุณตี ซึ่งเจ้าหญิงกุณตีนี้ก็คือแม่ของพี่น้องตระกูลปาณฑพครับ ซึ่งสมัยที่พระนางกุณตียังสาวๆนั้นผมเคยเล่าให้ฟังว่าพระนางเรียนวิชาเรียก เทพให้มาสมสุ่กับตัวเองได้ ซึ่งต่อมาก็ได้ใช้วิชานี้จนมีลูกชาย3คนแรกคือ ยุษธิษฐีระ ภีมะ และ อรชุน พี่ชายของพระนางกุณตีคือท้าววสุเทพนั้นได้ไปแต่งงานกับลูกสาวของท้าวอุรุเสน ซึ่งท้าวอุรุเสนนั้นมีลูกมากซึ่งลูกที่เป็นรัชทายาทย์และเกเรมากชื่อว่า ท้าวกังษะ ตอนหนังได้จับพ่อไปขังและขึ้นครองราชย์แทน ซึ่งลูกสาวเท่าที่จำได้นั้นมีอยู่สองคนครับ คนนึงชื่อพระนางเทวกี อีกคนชื่อพระนางโลหิณี ท้าววสุเทพก็ได้แต่งงานกับพระนางเทวกี

ท้าว กังษะนั้นค่อนข้างโหดเหี้ยมทารุณแม่ว่าจะมั่นใจว่าตัวเองจะขึ้นครองราชย์ได้ แต่ก็ได้จับพ่อตัวเองไปขังและกลัวว่าท้าววสุเทพเพื่อนรักนั้นจะไม่ช่วยเหลือ คนในการครองราชย์บ้านเมืองจึงยกน้องสาวให้(พระนางเทวกี)และก็ได้อยู่ช่วยงาน ท้าวกังษะ ซึ่งยังความเดือดร้อนมหาซวยแก่คนในเมืองเป็นอย่างมาก ต้องส่งส่วยนมเนยทุกวัน ประชาชีทุกใจมาก
ไม่มีใครกล้าหือ วันนึงท้าวกังษะกำลังจะออกประภาษป่าก็ได้มีฤาษีตนหนึ่งมายืนตัดหน้าแล้ว บอกว่าเรามาที่นี่เพื่อจะบอกว่า " ลูกชายคนที่8ของท้าววสุเทพเพือนท่านที่เกิดกับพระนางเทวกีน้องสาวของท่านเอง จะเป็นคนฆ่าท่านและคนในเมืองก็จะอยู่ด้วยความผาสุก ...ไอ่สาดดดดดดดดด"

พอท้าวกังษะได้ยินดั่งนั่นก็ได้เกิดวิตกจึงได้สั่งให้จับท้าววสุเทพกับพระนางเทวกีซึ่งเป้นน้องสาวแท้ๆ ขังคุกด้วยกัน
พอสองคนอยู่ด้วยกันในคุกปีแรกก็ได้ให้กำเนิดลูกชายท้าวกังษะจึงสั่งให้เอาลูกชายนั้นไปฆ่าทิ้ง เป้นอยู่อย่างนี้อยู่6ปี
พอ ลูกคนที่7พระนางเทวกีก็กำลังจะออกลูกพระนางโลหิณีซึ่งเป้นพี่สาวก็ได้เสด็จ มาที่คุกแล้วบอกว่าลูกคนที่7นี้เราจะเอาไปเลี้ยงเองแล้วก็เอาเด็กคนอื่นไป ให้ท้าวกังษะฆ่าทิ้งแทน ซึ่งลูกคนที่7นี้ชื่อว่า พลราม เมื่อเวลาผ่านไปท้าวกังษะก็ยิ่งลุ้นนับเวลาถอยหลัง พอพระนางเทวกีเริ่มท้องอ่อนๆท้าวกังษะก็สั่งให้ควบคุมอย่างเข้มแข้งตอนนี้ ท้าวกังษะนี้กำลังเล่นตลกกับโชคชะตา เตรียมพร้อม100%

ในระหว่างที่ เหตุการณ์กำลังลุ้นเสียวขึ้นไปทุกวัน ท้าววสุเทพก็ได้แอบติดต่อกับเพื่อนซึ่งเป้นคนเลี้ยงวัวจากในคุก ซึ่งเพื่อนคนนี้ชื่อว่า นันทะ แล้วนันทะนี้ก็มีเมียชื่อยโสธาราซึ่งได้แต่งงานและกำลังตั้งท้องในเวลาไล่ เลี่ยกันในคืนที่กระนางเทวกีคลอดลูกคนที่8ออกมานั้น ฝนตกรถติดกันทั้งเมือง ประตูคุกที่เคยปิดก็เปิดออกโซ่ตรวนที่เคยมีก็หลุดลง
ท้าววสุเทพก็จึงได้ แอบออกมาหา นันทะที่เมืองโกกุนซึ่งอยู่ติดๆกัน แต่อนิจจาฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำยมุนาก็หนุนขึ้นสูง ท้าววสุเทพซึ่งลุยน้ำแบบจวนเจียนที่จะจมเต็มทีน้ำจากแม่น้ำที่ขึ้นสูงจนถูก ตัวลูกของท้าววสุเทพปุ๊บก็ได้เกิดอัศจรรย์คือน้ำได้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ท้าววสุเทพจึงเดินทางได้สะดวกขึ้นครั้นพอเมื่อวสุเทพมาถึงบ้านของนันทะเมีย ของนันทะเองก็เพิ่งจะคลอดลูกสาวออกมาได้ไม่นาน นันทะจึงบอกให้ท้าววสุเทพเปลี่ยนตัวลูกกัน ลูกของท้าววสุเทพนันทะก็ได้เอาไปเลี้ยง ส่วนลูกสาวของนันทะนั้นก็ถูกพากลับไปสู่คุก

พอท้าววสุเทพทราบว่าพระ นางเทวกีคลอดเรียบร้อยแล้วท้าวกังษะก็ได้เกินทางมายังคุกหมายจะฆ่าลูกชายคน ที่8แต่ก็ต้องแปลกใจว่าพระนางเทวกีนั้นคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิงใจหนึ่งก็ ดีใจว่า คำสาปของฤาษีนั้นคงจะไม่เป้นจริงเพราะลูกที่เกิดมาเป็นผู้หญิง แตเพื่อความชัวร์ท้าวกังษะก็หมายจะฆ่าเด็กผู้หญิงคนนี้ทิ้งเสีย กำลังเงื้อดาบอยู่นั้นเองก็ได้มีเสียงร้องจากอากาศมาว่า " อย่า..... " ท้าวกังษะตกใจผลันโยนเด็กน้อยขึ้นบนฟ้าพลันนั้นเด็กน้อยก็ได้หายวับไปกับตา ท้าวกังษะก็ค่อยปลงใจไปเปลาะนึงเพราะคิดว่าคำสาปคงจะไม่เป้นจริงแล้ว

พระ กฤษณะนั้นเดิมชื่อว่ากรรณหา เติบโตอยู่ในหมู่บ้านโกกุน มีลักษณะแปลกเด็กคือเป้นเด็กขี้เล่นร่าเริง หน้าตาดี เป่าขลุ่ยได้ทั้งวันยังความเอ็นดูแก่คนอื่นที่พบเห็น และมีเรื่องหน้าแปลกว่าถ้ากรรณหา(หรือพระกฤษณะ)ลักขโมยกินนมเนยและเอามา เผื่อแผ่เด็กกลุ่มเดียวกันจากบ้านไหน วัวบ้านนั้นจะให้น้ำนมมากกว่าเดิม พอชาวบ้านเรื่องชาวบ้านก็เลยออกอุบายบอกไบ้ที่เก็บนมและเนยในบ้านตนเพื่อให้ กรรณหามาลักไปแจกเด็กๆในหมู่บ้านเพื่อที่วัวของตนจะให้น้ำนมมากขึ้น ในวัยเด็กนั้นพระกฤษณะนั้นเป็นคนเลี้ยงวัว เราจะเห็นภาพศิลปะมากมายของพระกฤษณะที่กำลังเลี้ยงวัวถือขลุ่ย

user posted image user posted image user posted image user posted image


พระกฤษณะก็ได้อยู่ในหมุ่บ้านนี้ได้11ปีจนมาวันหนึ่งก็ได้มาการถวายนมเนยแก่พระอินทร์ กรรณหาก็แปลกใจและถามว่า

" เหตุใดจึงต้องบูชาพระอินทร์ด้วยเล่า พระองค์ไม่เห็นทำอะไรเลย ทำไมไม่บูชาวัว ซึ่งให้นมและเนยกับพวกเรา ทำไม่บูชาหญ้าซึ่งเป้นอาหารของวัว หรือทำไมไม่บูชาภูเขาโควัฒนะ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดความร่มรื่นและป่าไม้ควาอุดมสมบูรณ์แก่หมู่บ้าน "

พระ อินทร์เมื่อได้ยินดังนั้นก็ เกิดโมโหครับ สาปให้ฝนตก7วัน7คืน ทีนี้ชาวหมู่บ้านก็โกกุนก็ซวยสิครับ ฝนตกขนาดนั้น สูบออกไปไหนก็ไม่ทัน ผู้ว่าอภิรักษ์ก็ช่วยไมได้ ชาววบ้านจึงตำหนิ ด.ช กรรณหา จอมซนว่า

" เห็นมั๊ย เพราะเจ้าดูหมื่นพระอินทร์ พวกเราเลยโดนสาป น้ำกัดเท้าคันจะแย่อยู่แล้ว "

ด. ช กรรณหาหรือกระกฤษณะก็จึงแสดงปาฎิหารย์ด้วยการใช้นิ้วเดียวยกภูเขาโควัฒนะ ขึ้นมาบังท้องฟ้าเอาไว้ ถึงฝนจะตกแต่หมู่บ้านก็เสียหายน้อยลง จนพระอินทร์นั้นยอมแพ้และมาทราบภายหลังว่ากรรณหานั้นคือพระนารายณ์อวตารลงมา เกิดเป็นพระกฤษณะ จึงได้ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่หลังจากที่แสดงอิทธิฤทธิ์แล้วก็จึงบอกกับชาว บ้านไปว่า
ต่อจากนี้ไปไม่ต้องส่งส่วยนมเนยไปให้ท้าวกังษะแล้วครั้นพอท้าว กังษะทราบเรื่องว่าเมืองโกกุนนำโดยพระกฤษณะนั้นแข็งข้อและทราบว่าพระกฤษณะ นั้นเป็นหลานคนที่8ที่เล็ดรอดหนีไปได้ ท้าวกังษะจึงได้ทำกลอุบายให้ไปเชิญมายังเมือง โดยระหว่างที่พระกฤษณะติดตามข้าราชบริพานของท้าวกังษะกลับมายังเมืองนั้น (ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด) ลูกน้องของท้าวกังษะก็ได้ปล่อยช้างศึกตกมัน หมายเข้าขยี้พระกฤษณะแต่ธรรมดาครับ ตัวเด่นของเรื่องซะอย่างจะตายง่ายๆได้ยังไง พระกฤษณะก็จัดการหักงวงหักงา ช้างศึกตกมันตัวนั้นเสียอย่างง่ายดาย พอพระกฤษณะเข้ามายังเมืองก็ได้เจอกับท้าวกังษะและได้ต่อสู้กับท้าวกังษะ

ซึ่ง ที่ปราสาทบันทายศรีจะมีรูปสลักพระกฤษณะกำลังฆ่าท้าวกังษะอยู่ครับที่บรรณา ลัยฝั่งตะวันตกลองไปหาดูกันคือจะเป็นรูปปราสาทแล้วมีคนที่กำลังถูกจิกหัว พร้อมกับกำลังถูกมีดแทง เมื่อพระกฤษณะฆ่าท้าวกังษะผู้เป็นลุงแล้วประชาชนก็ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง พระกฤษณะกับพลรามพี่ชายก็รีบไปที่คุกและปล่อยพระเจ้าตา คือท้าวอุรุเสน พ่อซึ่งก็คือท้าววสุเทพและแม่คือพระนางเทวกีแล้วก็เชิญท้าวอุรุเสนผู้เป็นตา ขึ้นครองราชย์ต่อไป

พระกฤษณะนั้นก็ได้ออกเดินทางไปร่ำเรียนวิชาและ ผจญภัยอยู่จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มและได้กลับมาที่เมืองต่อมาได้เกลี้ยกล่อมให้ ย้ายเมืองจากที่เดิมไปตั้งรกรากใหม่ ชื่อว่า ทวารกา(บอมเบย์ในปัจจุบัน) และในช่วงที่พระกฤษณะไปปกครองทวารกานั้นก็เป็นช่วงที่พี่น้องทั้งเการพและ ปาณฑพกำลังระหองระแหงกันพอดี ซึ่งเมื่อนับญาติแล้วพระกฤษณะก็นับเป้นลูกพี่ลูกน้องกับฝั่งปาณฑพเหมือนกัน เพราะถือว่าพระกฤษณะนั้นเป็นลูกของลุงนั่นเอง ความสนิทชิดเชื้อจึงมีอยู่ไม่น้อย เมื่อปาณพพเดือดร้อนคราใดถ้ามีโอกาศก็จะมาช่วยพร้อมกับพลรามเสมอๆ

1 ความคิดเห็น: