Asd

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตอนที่ 26 ศึกอินทรชิต

(ห้องที่ 65) เมื่อทศกัณฐ์ทราบว่ากุมภกรรณถูกพระรามฆ่าตายแล้วจึงนึกถึงอินทรชิตซึ่งเคย ได้รับศรสามเล่มจากพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามอีกทั้งยังเคยรบชนะพระอินทร์มาแล้ว จึงให้นางกำนัลเชิญอินทรชิตมา แล้วแจ้งความให้ทราบว่าขอให้ออกไปรบกับฝ่ายพระราม อินทรชิตรับคำและได้จัดทัพใหญ่ออกไปตั้งมั่นที่สมรภูมิเชิงเขาจักรวาลเพื่อ คอยดูกำลังของฝ่ายพระรามที่จะออกมาต่อสู้กัน

(ห้องที่ 66) พิเภกทูลพระรามว่าผู้ที่เป็นแม่ทัพยกมาในวันนี้คืออินทรชิตเป็นโอรสของทศ กัณฐ์มีฤทธิ์มากสมควรให้พระลักษณ์ยกทัพออกไปต่อสู้กับ อินทรชิต การสู้รบทั้งวันไม่ปรากฎผลแพ้ชนะจนกระทั่งพลบค่ำต่างฝ่ายต่างยกทัพกลับ พลับพลา

(ห้องที่ 67) อินทรชิตได้มารายงานให้ทศกัณฐ์ทราบและจะขอไปชุบศรนาคบาศมีกำหนดเจ็ดวัน ระหว่างนั้นขอให้ส่งผู้อื่นไปขัดตาทัพก่อน

(ห้อง ที่ 68) ระหว่างที่อินทรชิตได้ไปทำพิธีเป็นเวลาสามวันทศกัณฐ์ได้ส่งมังกรกัณฐ์เจ้า เมืองโรมคัล ลูกพญาขรมาขัดตาทัพวันรุ่งขึ้นจนกว่าอินทรชิตจะทำพิธีเสร็จ (ห้องที่ 69) พิเภกทูลพระรามว่าพระรามควรออกไปสู้รบด้วยพระองค์เองในวันนี้ ท้ายสุดพระรามยิงศรพรหมมาสตร์ไปตัดเศียรของมังกรกัณฐ์ขาดจากกาย ต่อมาพระรามจึงถามพิเภกว่าเหตุใดวันนี้ อินทรชิตจึงไม่ออกมารบพิเภกจึงทูลว่าบัดนี้อินทรชิตไปซ่อนตัวในโพรงไม้โรทัน ทำพิธีชุบศรนาคบาศอยู่เขาอากาศ ขณะนี้นาคกำลังคายพิษใส่ศร หากครบเจ็ดวันศรจะมีพิษร้ายแรง สามารถเอาชนะได้ทั้งสามโลก คือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกบาดาล ฉะนั้นต้องทำลายพิธีและเฉพาะต้องเป็นหมีกัดต้นโรทันเท่านั้น

(ห้อง ที่ 71) ชามพูวาชจึงขออาสาไปทำลายพิธีด้วยเมื่อชาติก่อนเป็นหมีคอยรับใช้พระอิศวร พระรามจึงยินดีเป็นยิ่งนักและอนุญาต ชามพูวราชจึงเหาะไปยังเขาอากาศแล้วร่ายเวทมนตร์กลายร่างเป็นหมีใหญ่ กระโจนขึ้นกัดต้นไม้โรทันหักสะบั้นลงมา ท้องฟ้าก็มืดด้วยควัน เหล่านาคพากันตกใจนึกว่าครุฑจึงพากันเลื้อยหนีแทรกลงดินหายไปหมด อินทรชิตโกรธมากตามหมีจะฆ่า แต่ชามพูวราชกลายเป็นลิงหนีไป


เมื่อ พิธีถูกทำลาย อินทรชิตตัดสินใจไม่กลับลงกาแต่ตามไปยังสนามรบ (ห้องที่ 70) พบวิรูญมุขลูกของวิรูญจำบังซึ่งทศกัณฐ์ส่งมาขัดทัพภายหลังจากที่มังกรกัณฐ์ ถูกฆ่าตาย อินทรชิตจึงขอเวลาหนึ่งชั่วโมงในการทำพิธีปลุกนาคบาศอยู่บนรถแล้วให้วิรุ ญมุขไปสู้รบก่อน ซึ่งวิรุญมุขมีเวทมนตร์กล้าหาญ กำบังกายหายตัวได้ขี่ม้าถือหอกสุรกานต์เข้าแทงฟันพวกลิงล้มตายเป็นจำนวนมาก

พิเภก แนะนำให้พระลักษณ์แผลงศรเป็นข่ายไปรัดตัววิรุญมุขไว้ พระลักษณ์จึงแผลงศรพาลจันทร์ไป ปรากฎว่า วิรุญมุขถูกข่ายเพชรรัดไว้จนถึงกับนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดิน เมื่อถูกจับได้พระลักษณ์จึงถามว่าอินทรชิตอยู่ที่ใด วิรุญมุขตอบว่าอยู่บนรถ พระลักษณ์จึงสั่งให้เอาตัววิรุญมุขไปตระเวนหน้าทัพ สักหน้าเฆี่ยนตี และตระเวนมาถึงหน้าทัพยักษ์แล้วปล่อยตัวไป วิรุญมุขจึงตรงไปหา อินทรชิตกราบที่เท้าแล้วร้องไห้พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง อินทรชิตซึ่งอ่านเวทไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโกรธมาก จึงคิดแผนให้ วิรุญมุขแปลงเป็นอินทรชิตออกไปสู้รบกับพระลักษณ์ ส่วนตนจะแอบอยู่ในกลีบเมฆแล้วแผลงศรนาคบาศมากมายเข้าพ่นพิษและมัดกองทัพวานร จนหมดสิ้น กองทัพ

(ห้องที่ 72) พระรามตามมา สมทบทีหลังก็ตกใจที่เห็นทหารวานรต้องศรนาคบาศนอนเกลื่อนกลาด พระลักษณ์ก็โดนมัดตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงยอดอก (ห้องที่ 73) พิเภกจึงแนะนำว่าให้พระรามยิงศรพลายวาตเรียกพญาสุบรรณราชซึ่งเป็นพญาครุฑ เหาะลงมาช่วยไล่จิกตีนาคแตกหนีกระจัดกระจายแทรกแผ่นดินหนีไปจนหมด เหล่าทัพวานรและพระลักษณ์จึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่ายสารัณทูต

กอง คอยเหตุของกรุงลงกาเห็นพญาครุฑมาไล่พวกนาคหนีไปแล้วพระลักษณ์ที่ต้องศร นาคบาศก็ฟื้นขึ้นมาได้ จึงรีบเข้ามาทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์จึงรีบตามอินทรชิตมาแล้วเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง(ห้องที่ 74-75) อินทรชิตจึงขอลาทศกัณฐ์ไปทำพิธีชุบศรพรหมมาสตร์ของพระอิศวรมีกำหนดสามวันจะ กลับมา ระหว่างนั้นขอให้ทศกัณฐ์ส่งหัวหน้ายักษ์ไปขัดตาทัพไว้ แต่อย่าเอาเรื่องการตายไปแจ้งให้ทราบซึ่งทำให้เสียพิธี แล้วอินทรชิตก็ลาไปตั้งโรงพิธีบริเวณใต้ต้นกร่าง ริมหาดมณีมรกต ใกล้ทะเลสีทันดร และอยู่ในหว่างเขายุคนธร


ใน ระหว่างที่อินทรชิตกำลังทำพิธีชุบศรพรหมมาสตร์ ทศกัณฐ์ได้ส่งกำปั่นออกรบ ซึ่งมาต่อสู้กับหนุมานเป็นทัพหน้าของกองทัพ พระลักษณ์ และในที่สุดกำปั่นก็ตาย ทศกัณฐ์ทราบเรื่องก็ตกใจจนลืมเรื่องที่อินทรชิตสั่งไว้ว่าไม่ให้ผู้ใดมารบก วนระหว่างทำพิธี จึงส่งไวยกาสูรไปบอกข่าวการตายของกำปั่นให้แก่อินทรชิตทราบ และขอให้ อินทรชิตกลับมาสู้กับพระรามต่อไป ฝ่ายอินทรชิตเมื่อทราบเรื่องกำปั่นตายก็รู้สึกโกรธและเสียใจมาก จึงจัดการเสริมกำลังให้ศรพรหมมาสตร์โดยให้จูงแพะดำและโคดำมาผูกไว้ตรงหน้า แล้วอินทรชิตร่ายเวทครบพันจบก็จับฝูงสัตว์ที่มัดไว้ฆ่าตายหมดแล้วเอาถาดทอง รองรับโลหิตให้ศรพรหมมาสตร์สูบกินด้วยฤทธิ์เป็นอันเสร็จพิธี

หลังจาก นั้นอินทรชิตจึงสั่งรุทกาลคนสนิทว่าตนจะใช้เล่ห์กลอุบายแปลงกายเป็นพระ อินทร์ ให้ยักษ์ชื่อการุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ สารถีที่ขับรถแปลงเป็นควาญท้ายช้าง ส่วนพวกทหารยักษ์ทุกตนให้แปลงเป็นเทพบุตรถืออาวุธกับให้หมู่ประโคมดนตรีแปลง เป็นนางฟ้า จับระบำรำเต้นเล่นไปหน้าช้างเอราวัณ

ฝ่ายพระลักษณ์เห็น พระอินทร์กับเทพบุตรนางฟ้าลอยมาในอากาศจึงถามว่าพระอินทร์เสด็จมาทำไม หนุมานตอบว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน และอาจเป็นเล่ห์อุบายของพวกยักษ์ขอเตือนพระลักษณ์ให้ระวังพระองค์ให้จงดี แต่พระลักษณ์กลับตะลึงเพ่งมองดูพระอินทร์และบริวารแปลงอย่างเพลิดเพลินโดยมิ ได้ระวังพระองค์

ฝ่ายอินทรชิตเห็นพระลักษณ์และพวกลิงเคลิบเคลิ้ม จึงแผลงศรพรหมมาสตร์ลงมาที่กองทัพของพระลักษณ์ เหล่าพลลิงทั้งหลายตายกลาดเกลื่อน หนุมานเห็นดังนั้นจึงเหาะขึ้นฟ้าเอาเท้าเหยียบงาช้างเอราวัณแปลง มือซ้ายหักคอช้าง มือขวาชิงศรจากอินทรชิต อินทรชิตจึงใช้คันศรหวดถูกหนุมานกระเด็นไปกับคอช้างสลบอยู่บนพื้นดิน แล้วอินทรชิตก็แปลงกายกลับเป็นยักษ์ดังเดิมแล้วสั่ง สารัญทูตว่า ถ้าพระรามมาเยี่ยมน้องแล้วสลบไปขอให้รีบมารายงาน แล้วตนก็ยกทัพกลับกรุงลงกามารายงานให้ทศกัณฐ์ทราบที่ท้องพระโรง ทศกัณฐ์ดีใจมากและกล่าวชมเชยอินทรชิต

ฝ่ายพระรามเห็นพลบค่ำแล้วทัพ พระลักษณ์ยังไม่กลับมาอีกทั้งได้ยินเสียงโห่ร้องของพวกยักษ์จากสนามรบ พระราม ชมพูพาน และพิเภกจึงเดินทางไปยังสนามรบแล้วพบพระลักษณ์ต้องศรพรหมมาสตร์นอนสลบอยู่ กับพื้นดิน หนุมานตายติดหัวช้าง เหล่าวานรตายเกลื่อนกลาด ก็ทรงกันแสงด้วยความเสียใจจนสลบไป สารัณทูต

(ห้องที่ 76) กองคอยเหตุเห็นดังนั้นจึงรีบนำความไปทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์สั่งนางตรีชาดานำนางสีดาขึ้นบุษบกแก้วจากสวนขวัญเพื่อนำไปเยี่ยมดูศพ พระราม พระลักษณ์ที่สนามรบ เมื่อบุษบกแก้วไปถึงสนามรบก็ร่อนลงจากฟ้าสู่ผืนดิน ทั้งสองนางเดินลงจากบุษบกเห็นหนุมานนอนตายทับหัวช้าง แล้วต่อมาก็เห็นพระรามนอนกอดองค์พระลักษณ์ ซบอยู่กับผืนดิน นางสีดาจึงตรงเข้าไปกอดพระบาทของพระรามและร่ำไห้ นางตรีชาดาจึงปลอบว่า อันบุษบกนี้มีมาแต่ดึกดำบรรพ์เปรียบดั่งจักรแก้วมีฤทธิ์ขององค์จักรพรรดิ เป็นที่เสี่ยงทายสำคัญหากหญิงเป็นม่ายแม้ขี่ก็ไม่พาจรขึ้นเวหา นางสีดาจึงเดินไปที่บุษบกแก้วแล้วอธิษฐานว่า หากพระรามสิ้นชีพขอให้บุษบกแก้วอย่าพาข้าขึ้นไปบนชั้นฟ้าได้ เมื่อขึ้นปรากฏว่าบุษบกแก้วก็เลื่อนลอยขึ้นชั้นฟ้าอย่างรวดเร็ว

ภาย หลังที่นางสีดาและตรีชาดาได้มาเยี่ยมพระรามและพระลักษณ์ที่สนามรบแล้วนั่ง บุษบกแก้วกลับไปแล้ว พิเภกซึ่งพระรามใช้ให้ไปเก็บผลไม้ในป่าเพื่อเอามาเลี้ยงพวกลิงทหารกลับมาถึง ค่าย ทราบจากทหารลิงว่าพระรามไปตามพระลักษณ์ที่สนามรบแล้วยังไม่กลับมา พิเภกจึงตรงไปยังสนามรบทันที พบหนุมานนอนทับช้างแต่แน่ใจว่ายังไม่ตายจึงเป่ามนตร์แล้วพ่นเข้าไปในปากหนุ มานจึงฟื้นขึ้นมา หนุมานจึงเล่าเรื่องที่สู้รบกับอินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์มาให้พิเภกฟัง แล้วจึงเดินตามหาพระราม พระลักษณ์ เมื่อพบก็นวดเฟ้นพระรามจนฟื้นแล้วได้สติคืนมา พระรามถามพิเภกว่าจะแก้ไขการณ์นี้อย่างไรดี พิเภกทูลว่า ยาสำหรับแก้ศรพรหมมาสตร์ตนนั้นไม่รู้แน่ชัดแต่ขอให้ถามชมพูพานซึ่งพระอิศวร เคยใช้ให้ไปตรวจสรรพยาทั้งสี่ทวีป

ชมพูพานทูลพระรามว่ายาแก้นี้มีที่ เขาอาวุธ แต่ที่นั่นมีจักรกรดพัดอยู่ไม่หยุดสักเวลา ใครเข้าไปก็จะตายด้วยจักรกรดนั้น แต่พระอิศวรสั่งการไว้ว่า ถ้าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระราม แล้วพระลักษณ์ต้องศรยักษ์ ให้ใช้หนุมานลูกพระพายไปที่เขาอาวุธเพื่อเก็บยามารักษาพระลักษณ์ โดยที่ต้องยกทั้งภูเขามาแล้วเหาะอยู่เหนือลมเพื่อให้ลมพัดเอาละอองยาโชยมา โดนเหล่าทหารวานรและพระลักษณ์ แล้วก็ฟื้นตื่นขึ้นมา(ห้องที่ 77) พระรามดีใจที่พระลักษณ์ตื่นขึ้นมาจึงพากันยกทัพกลับค่ายที่เขามรกต

**ตอนต่อไป วาระสุดท้ายของอินทรชิต**

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น