Asd

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตอนที่ 33 ตามนางสีดา

เมื่อพระรามพบนางสีดาที่อาศรมของ พระฤาษีวัชมฤค ก็พยายามอ้อนวอนขอคืนดีแต่นางสีดาไม่ยอม พระรามจึงขอพระมงกุฎกับพระลบไปแทน นางตัดใจยอมเพื่อเห็นแก่อนาคตของลูก ฝ่ายพระมงกุฎและพระลบเมื่อมาอยู่ในกรุงอยุธยาก็นึกถึงแม่ จึงขอพระบิดากลับไปเกลี้ยกล่อมให้แม่มาอยู่ด้วยกัน

(ห้องที่ 165) นางสีดายังคงยืนกรานว่ายังไงก็ไม่กลับ ยกเว้นอย่างเดียวนั่นคือไปกราบศพของพระราม พระรามออกอุบายว่าสิ้นพระชนม์ ตั้งเมรุมาศตั้งพระศพแล้วให้หนุมานทำทีร่ำไห้ไปแจ้งข่าวแก่นางสีดาว่าพระราม ตรอมใจตาย ขออัญเชิญมากราบพระศพ นางสีดารีบออกจากป่ามากราบศพพระราม นางร้องไห้คร่ำครวญจนสิ้นสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบพระรามประคองนางเอาไว้ในอ้อมกอดก็รู้ว่าถูกหลอก ด้วยความโกรธนางจึงอธิษฐานแทรกกายลงแผ่นดินหนีไปเมืองบาดาล


(ห้อง ที่ 166-167) พิเภกเข้าเฝ้าพระรามแล้วทูลว่า พระรามมีชะตาชีวิตอยู่ในเกณฑ์พลัดพรากต้องออกเดินป่าเป็นเวลา 12 เดือน เพื่อปราบเหล่ายักษ์มารอีกครั้ง พระรามจึงพาพระลักษณ์และหนุมานติดตามไปด้วย

(ห้องที่ 168) ระหว่างการเดินป่าคราวนี้ นกวายุภักษ์โฉบเอาพระรามและพระลักษณ์ไป ทำให้ทัพวานร ต้องเข้าสู้รบกับนกวายุภักษ์จนนกวายุภักษ์ตาย


ระหว่าง ทางพระราม พระลักษณ์ ต้องฆ่ายักษ์อีกหลายตน เดินทางมาได้สามเดือนครึ่งก็ถึงเขตยักษ์เมืองกาลวุธ มีท้าวกุเวรนุราชปกครอง ตรีปักกันสิทธิศักดิ์ ผู้เป็นโอรสพบกลุ่มของพระรามเกิดการปะทะกันและถูกพระรามฆ่าตาย ท้าวกุเวรนุราชยกทัพ ออกมาสู้ ถูกพระรามฆ่าตาย

เดินทางต่อมาถึงต้น โศกใหญ่ก็หยุดพัก ยักษ์กุมภัณฑ์นุราชเห็นสองมนุษย์กับหนึ่งลิงก็ต้องการจับกินเป็นอาหาร ต่อมากุมภัณฑ์นุราชได้รู้ว่า พระรามเป็นนารายณ์อวตารมาเกิด จึงบอกว่าตนเป็นเทพบุตรชื่อ สุนนท์เทเวศ ไปหยอกนางกำนัลจึงถูกพระอิศวรสาปมาอยู่ที่ถ้ำนพมาศ พระรามเท่านั้นที่จะช่วยได้ พระรามจึงเอ่ยปากยกโทษให้ กุมภัณฑ์นุราชจึงคืนร่างเป็นเทวดาแล้วเหาะขึ้นสวรรค์ไป

สิบแปดมงกุฎ เสนี รวมทั้งสุครีพได้ข่าวพระรามเดินป่าต่างพากันเดินทางมายังกรุงอยุธยา ให้พระพรต พระสัตรุด ช่วยบอกทาง จากนั้นก็เดินป่าตามหาถึงต้นโศกใหญ่แลเห็นพระราม พระลักษณ์และหนุมาน ต่างก็พากันดีใจ วานรทั้งหมดขอติดตามไปด้วยเพื่อปรนนิบัติและช่วยปราบปรามมาร จนเดินทางถึงสวนยักษ์ เกิดการสู้รบกับยักษ์นนทกาลสู้ไม่ได้หนีไปเฝ้าท้าวอุณาราชเจ้าเมือง พระรามยกทัพเข้าปราบท้าวอุณาราช แต่ไม่ว่าจะโดนศรอย่างไรท้าวอุณาราชก็ไม่ตาย

พระฤาษีโคศภบอกให้พระ รามใช้ต้นกกเป็นศรยิงยักษ์ให้ตรึงไว้กับแผ่นดิน พระรามถอนต้นกกพาดคันธนูแล้วแผลงศรไปถูกอกท้าวอุณาราชตรึงไว้กับแผ่นดิน และได้เนรมิตไก่แก้วกับนนทรีถือค้อนเหล็กไว้คอยเฝ้า หากต้นกกเขยื้อนออกจากอก ไก่จะขันบอกเหตุให้นนทรีเอาค้อนทุบ ทรมานไปเป็นแสนโกฏิปี

(ห้องที่ 169) พระรามจึงน้าวศรต้นกกยิงปักอกท้าวอุณาราช ปลิวตกลงในถ้ำตรึงติดกับแผ่นผา เมื่อเดินทางจนครบสิบสองเดือน (ห้องที่ 170) พระราม พระลักษณ์ จึงเดินทางกลับกรุงอยุธยา บ้านเมืองยังคบสงบสุข แต่พระรามก็ทุกข์ระทมเฝ้าคิดถึงแต่นางสีดา พระอิศวรเห็นพระรามก็สงสารจึงให้จิตตุราชเทเวชนำรถแก้วไปรับนางสีดามาจาก เมืองบาดาลให้จิตตุบทนำรถชัยไปรับพระราม พระลักษณ์ พระพรต พระสัตรุด และพญาอนุชิตมา(ห้องที่ 171) แล้วพระอิศวรทรงว่ากล่าวตักเตือนพระรามพร้อมปลอบใจนางสีดา เพื่อให้ทั้งสองคืนดีกัน จนนางสีดายอมทำตามพระบัญชา


พระ อิศวรจัดงานอภิเษกสมรสให้ที่ปราสาทบนเขาไกรลาศ พระรามและนางสีดานั่งบนบัลลังก์เศวตฉัตร ให้เทวดานางฟ้าจัดแต่งสถานที่ ฝ่ายพระรามมีท้าวมัฆวาน สามอนุชาและพญาอนุชิต ฝ่ายนางสีดามีพระอุมา มเหสีของพระอิศวรเป็นผู้ดูแล เมื่อเสร็จพิธีก็ทรงพาส่งกลับกรุงอยุธยาโดยสวัสดี พระรามและนางสีดาจึงครองรักและปกครองกรุงอยุธยาด้วยความร่มเย็นสุขสวัสดิ์ สืบไป

**ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ**

2 ความคิดเห็น: