ทศกัณฐ์ร่ายเวทแปลงเพศเป็นโยคีสวมชฎาใส่สังวาล มือซ้ายถือไม้เท้า มือขวาถือพัดแล้วเหาะจากกรุงลงกามายังเขาคันธมาทน์ แล้วคิดว่า พิเภกจะต้องรู้เป็นแน่แท้ว่าตนแปลงเป็นชีป่า แล้วบอกพระรามให้เสียการณ์ ดังนั้นทศกัณฐ์จึงร่ายเวทบังคับไม่ให้พิเภกพูดได้ แล้วทศกัณฐ์ก็เดินไปหาพระรามที่พลับพลา แสร้งบอกว่าตนอยู่ในป่าหิมพานต์ชื่อ กาลสิทธิโคดม ไปจงกรมกลับมาจากสวรรค์ ทราบว่าพระรามจะยกพวกลิงไปทำสงครามกับพวกยักษ์ในลงกา
จึงแวะมาเยี่ยม และใคร่จะบอกว่าทศกัณฐ์นั้นมีฤทธิ์มาก ทั้งมีทหารที่ชำนาญการ ส่วนนางสีดานั้นถึงได้กลับมาก็เป็นราคี เหมือนแก้วตกกลางกองไฟ ก็คงจะร้าวฉานเป็นธรรมดา ดังนั้นจะตามไปทำไมให้ป่วยการ ขอให้เลิกทวยหาญกลับเมืองเสียเถิด พระรามตอบว่านางสีดาคือพระลักษมี ถึงจะตกน้ำไฟบรรลัยกัลป์ก็ไม่มีราคี ส่วนการจะไปสู้รบกับพวกยักษ์นั้นก็เชื่อว่าจะเอาชนะได้ ฤาษี ทศกัณฐ์จึ่งว่า แล้วนั่นคือพิเภกน้องของทศกัณฐ์ซึ่งเป็นศัตรู ส่วน สุครีพก็เป็นน้องของพาลีซึ่งพระองค์ฆ่าตาย การคบกับพวกศัตรูก็เหมือนเลี้ยงอสรพิษไว้ จึงควรขับไล่ไปเสีย พระรามกล่าวว่าทั้งพิเภกและสุครีพต่างก็มีความซื่อตรง ยุติธรรม กตัญญู รอบรู้และรู้จักรับผิดชอบ มิได้เป็นทรชนคนคดดังที่พระดาบสว่า ฤาษี ทศกัณฐ์จึงขอลาพระรามกลับเพราะเห็นว่าไม่ได้ผล พอลับตาพวกลิง มนตร์ก็คลาย พิเภกจึงทูลพระรามว่าฤาษีตนนั้นเป็นทศกัณฐ์แปลงกายมาแต่ตนเองต้องมนตร์พูด ไม่ได้จึงมิได้ทูลให้พระรามทราบ
(ห้องที่ 44) ทศกัณฐ์กลับมาด้วยความคับแค้นใจที่เจรจาไม่เป็นผลสำเร็จจึงคิดหาอุบายใหม่ โดยให้นางเบญจกายลูกพิเภกกับนางตรีชาดาแปลงเป็นนางสีดาแล้วทำเป็นตายลอยไป ติดที่ท่าสรงของพระราม โดยหวังว่าเมื่อพระรามเห็นนาง สีดาตายแล้วก็คงจะเลิกทัพกลับไป
วันรุ่งขึ้นทศกัณฐ์จึงเรียกนางเบญจ กายมาแล้วแจ้งแผนให้ทราบ นางเบญจกายจึงขอลาไปแอบสังเกตลักขณาของนางสีดาก่อนเมื่อจดจำสิ่งสำคัญได้แน่ นอนแล้วก็กลับมาที่วังทศกัณฐ์แล้วนางแปลงเป็นสีดา ฝ่ายทศกัณฐ์เมื่อเห็นนางสีดาก็นึกว่าเป็นตัวจริงเข้าไปโอบอุ้มองค์ขึ้นใส่ ตัว ตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ นางเบญจกายจึงทรุดตัวลงจากจากตัวทศกัณฐ์แล้วนิมิตกายคืนกลับเป็นนางเบญจกาย เช่นเดิม ทศกัณฐ์รู้สึกสะเทิ้นเขินใจจึงกล่าวขอโทษหลานรัก แล้วทศกัณฐ์จึงเร่งให้นางเบญจกายไปทำตามแผนที่วางไว้
(ห้อง ที่ 45) นางเบญจกายจึงเหาะข้ามมายังแม่น้ำเขา คันธมาทน์นิมิตร่างเป็นนางสีดาลอยน้ำมาเกยยังท่าสรงของพระราม พระลักษณ์ เมื่อถึงเวลาสรงน้ำ พะราม พระลักษณ์ได้ออกมาที่ท่าแล้วได้พบกับนางเบญจกายแปลงเป็นนางสีดาอยู่ ทั้งสององค์ก็ร้องไห้จนสลบไป ครู่หนึ่งจึงฟื้นขึ้นมาด้วยหนุมานทูลว่า อันศพคนตายไฉนจึงไม่เน่าเปื่อยอีกทั้งศพไม่มีทางลอยทวนน้ำจากลงกามายังที่ ตั้งทัพได้ น่าจะเป็นยักษ์แปลงกายมามากกว่า จึงทูลพระรามขอนำศพนางสีดาไปเผาเพื่อพิสูจน์ความจริง ฝ่ายนางเบญจกายทนเพลิงร้อนไม่ได้จึงเหาะขึ้นตามควันไฟหนีไป
หนุมานเห็น ดังนั้นก็เหาะตามไปรวบรัดจับนางเบญจกายแล้วพานางมาเข้าเฝ้าพระราม สุครีพไต่สวนจนทราบความว่านางเบญจกายเป็นหลานของทศกัณฐ์ พระรามทรงกริ้วมากแต่ไม่อยากฆ่าจึงให้หนุมานพานางออกไปให้ไกล หนุมานจึงอุ้มนางเบญจกายเหาะขึ้นฟ้าข้ามมาแดนลงกาเมื่อลงสู่พื้นดิน หนุมานได้พูดจาเกี้ยวพาราสีกับนางเบญจกายและได้นางเป็นเมียในที่สุด นางเบญจกายก่อนจากกันได้พูดขอฝากพิเภกซึ่งเป็นบิดาไว้ให้หนุมานช่วยดูแล แล้วนางก็กลับไปยังลงการายงานให้ทศกัณฐ์ทราบ ภายหลังนางเบญจกายคลอดลูกชื่ออสุรผัด
**ตอนต่อไป จองถนนเข้าสู่ลงกา**
Asd
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น