Asd

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตอนที่ 25 ศึกกุมภกรรณ

ภายหลังที่ทศกัณฐ์ได้รับทราบรายงาน จากตรีทัพเมฆนาทเรื่องพญาไมยราพถูกหนุมานฆ่าตายแล้ว ทศกัณฐ์จึงมองหาตัวผู้ที่สมควรเป็นแม่ทัพใหญ่ และเห็นว่าผู้ที่เหมาะสมที่สุดคือ กุมภกรรณน้องชายของตน มีหอกโมขศักดิ์เป็นอาวุธสำคัญทั้งได้พรจากองค์พระพรหม และมีฤทธิ์เดช กล้าหาญ จึงเรียกมาพบและแจ้งว่าใคร่จะให้น้องไปยกทัพต่อสู้กับข้าศึก

ใน ขั้นต้นกุมภกรรณได้พยายามทัดทานและบอกเหตุผลของศึกสงครามนี้มาจากเพียงพี่ไป ลักนางสีดามา มิใช่สงครามชิงบ้านชิงเมือง ขอให้พี่ส่งนางสีดาคืนแก่พระรามไปเถิด ทศกัณฐ์ว่าไม่สามารถทำได้หรอก เมื่อครั้งนางสำมนักขาไปเที่ยวป่าถูกตัดมือตัดเท้า ต่อมา ทูต ขร ตรีเศียรก็ถูกพระรามฆ่าตาย แล้วยังส่งหนุมานมาหักสวนขวัญ ฆ่าสหัสกุมารตาย อีกทั้งส่งองคตมาสื่อสารเจรจาหยาบคายก้าวร้าว ตลอดจนส่งสุครีพมาหักฉัตรก็แสดงความหยาบช้าอย่างแสนสาหัส กุมภกรรณเห็นว่าทัดทานไปทศกัณฐ์ยิ่งทรงกริ้วจึงรับปากจะยกทัพออกรบตามพี่ขอ

(ห้อง ที่ 57) กุมภกรรณเมื่อยกทัพออกไป พิเภกทูลพระรามว่าตนขอออกไปเจรจาห้ามทัพแต่ไม่เป็นผลสำเร็จอีกทั้งฝากปริศนา ไปยังพระรามว่า “คือชีโฉดหญิงโหดมารยา ช้างงารีทรชน” พระรามไม่อาจไขปริศนาได้จึงส่งองคตมาล้วงความหมายของปริศนา องคตม้วนหางต่างที่นั่งสูงเสมอกับกุมภกรรณที่นั่งอยู่บนรถทรง เจรจาความอย่างอ่อนหวาน จนรู้ว่า “ช้างงารีคือทศกัณฐ์ ชีโฉดคือพระราม หญิงโหดคือนางสำมนักขา ส่วนทรชนคนชั่วคือพิเภกนั่นเอง


พิเภก จึงทูลให้พระรามส่งสุครีพออกรบ แม้ (ห้องที่ 58) สุครีพจะมีพละกำลังมากกว่ากุมภกรรณ แต่ด้วยเล่ห์กลที่กุมภกรรณเหนือชั้นกว่า ทำให้สุครีพพลาดท่าเสียที ถูกกุมภกรรณตีด้วยคทาแล้วจับเอาตัวไปได้ กล่าวคือกุมภกรรณสร้างอุบายลวงให้สุครีพหมดแรงก่อนด้วยการท้าให้สุครีพไปถอน ต้นรังในทวีปอุดรเพื่อแสดงกำลังให้เห็นก่อนว่าเหมาะสมจะมาสู้กับ กุมภกรรณหรือไม่ สุครีพไม่รู้ว่าเป็นกลลวงเมื่อไปถอนต้นรังกลับมากำลังก็หย่อนลงเสียแล้ว กุมภกรรณจึงรีบเข้ารุกไล่ สุครีพทันที เมื่อสุครีพพ่ายแพ้ พวกทหารลิงรีบมารายงานพระราม พระรามจึงให้หนุมานรีบไปช่วยไว้ได้ทัน

(ห้อง ที่ 59) ภายหลังที่กุมภกรรณเสียทีแก่หนุมานและสุครีพ จึงรีบกลับเข้าวังรายงานให้ทศกัณฐ์ทราบและแจ้งว่าตนจะไปทำพิธีลับหอกโมกข ศักดิ์ที่ริมน้ำเชิงเขาพระสุเมรุซึ่งหากลับเสร็จทั้งห้าคมหอกก็จะมีฤทธิ์มาก มายปราบได้ถึงสวรรค์ชั้นสิบหก ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ แต่พิธีนี้ต้องใช้เวลาสี่คืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นพระรามสงสัยว่าเหตุใดกุมภกรรณไม่ยกทัพมารบ พิเภกจึงทูลว่ากุมภกรรณกำลังประกอบพิธีลับหอกโมขศักดิ์ ควรส่งคนไปทำลายพิธีนี้ และด้วยความที่กุมภกรรณเป็นคนรักความสะอาด ชอบแต่กลิ่นหอมไม่สามารถทนต่อสิ่งที่เน่าเหม็นได้ จึงควรให้หนุมานและองคตแปลงเป็นกาจิกหมาเน่าลอยน้ำเข้าไปใกล้กุมภกรรณ และเป็นจริงดั่งพิเภกว่าเมื่อหนุมานและองคตนิมิตกายเข้าไปใกล้ ปรากฏว่ากุมภกรรณก็อาเจียน รู้สึกคลื่นไส้เวียนศีรษะลับหอกไม่ได้ และล้มเลิกพิธีลับหอกไป กลับเข้าวังเล่าให้ทศกัณฐ์ฟัง ทศกัณฐ์คิดว่าการที่มีหมาเน่าลอยน้ำมาบริเวณริมฝั่งมหาสมุทรใหญ่เรียกว่า สีทันดร นั้นไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าคงเป็นอุบายที่พิเภกบอกให้พวกลิงทำเพื่อมาล้มล้างพิธี


(ห้อง ที่ 60) วันรุ่งขึ้นกุมภกรรณออกรบ พิเภกแนะนำพระรามให้ส่งพระลักษณ์และสุครีพไปออกรบ การสู้เป็นไปอย่างอุตลุดและอลวนของเหล่าทหารยักษ์และเหล่าทหารลิง แต่พระลักษณ์พลาดท่าถูกหอกโมกขศักดิ์ที่กุมภกรรณกวัดแกว่งและพุ่งเข้าที่ หน้าอก เหล่าทหารลิงไปประคองแล้วพวกหนุมาน องคต และสิบแปดมงกุฎถ่าโถมเข้าไล่กุมภกรรณจนเวลาพลบค่ำกุมภกรรณยกทัพกลับลงกา สุครีพเรียกนิลนนให้รีบไปแจ้งพระรามเรื่องพระลักษณ์ต้องหอก พระรามเดินทางมาพร้อมกับพิเภกเห็นพระลักษณ์ต้องหอกก็ร้องไห้ไม่เป็นสมประดี


(ห้อง ที่ 61) พิเภกทูลว่าพระลักษณ์ยังไม่ตายจนกว่าตะวันส่องแสงขอให้หนุมานไปหยุดรถพระ อาทิตย์แล้วรีบไปเก็บเอายาสังกรณีกับตรีชวา ที่ภูเขาสรรพยากับน้ำจากแม่น้ำปัญจมหานทีก็สามารถแก้ได้และหอกจะหลุดไป พระรามจึงสั่งการ หนุมานตามคำแนะนำของพิเภกหนุมานรีบไปขอให้พระอาทิตย์หยุดรถแต่พระอาทิตย์ หยุดไม่ได้เพราะเป็นจักรราศีแต่จะหลบเข้ากลีบเมฆเพื่อไม่ให้แสงส่องหอกโมกข ศักดิ์ได้ หนุมานจึงรีบไปยังเขาสรรพยา ร้องเรียกสังกรณีกับตรีชวา ปีนป่ายขึ้นลงบนยอดเขาบ้าง ตีนเขาบ้าง หนุมานจึงนิมิตร่างใหญ่เท่าเขาแล้วโอบรอบขุนเขา ค่อยๆไล่ป่ายจับตามเสียงร้องจนถึงยอดเขาก็เก็บเอาสังกรณีกับตรีชวามาได้ จึงรีบไปเข้าเฝ้าพระพรตและพระสัตรุดที่กรุงอโยธยาแล้วเล่าความให้ฟัง


พระ พรตและพระสัตรุดฝากบอกพระรามว่า อยู่เฝ้าเมืองเหมือนนอนอยู่บนกองไฟ อยากช่วยไปปราบยักษ์ก็เกรงจะขัดคำบัญชาของพระรามแล้วมอบขวดใส่น้ำปัญจมหานที ให้ เมื่อครบแล้วหนุมานรีบเหาะกลับมาเอาให้พิเภกเพื่อทำการบดทำยาป้ายและเป่า มนตร์ไปที่แผล หอกโมกขศักดิ์ก็หลุดออกมาแผลหายอย่างไม่มีร่องรอย แล้วพระลักษณ์ก็ฟื้นคืนสติ พระรามยินดีเป็นยิ่งนัก จึงพากันยกทัพกลับเขามรกต

(ห้องที่ 62) กุมภกรรณเมื่อรู้ข่าวว่าพระลักษณ์ฟื้นจากหอกโมกขศักดิ์ ก็หาวิธีใหม่ โดยเนรมิตร่างกายใหญ่โตนอนขวางแม่น้ำไม่ให้ไหลไปถึงเขามรกตอันเป็นที่ตั้ง ของทัพพระรามเพื่อให้กองทัพพระรามอดน้ำตาย แล้วใช้ให้นางคันธมาลีกับนางกำนัลสี่คนทำหน้าที่เก็บดอกไม้หอมไปถวายทุกวัน


(ห้อง ที่ 63) พิเภกใช้ให้ หนุมานไปทำลายพิธีแต่ไม่รู้ว่ากุมภกรรณทำพิธีที่ใดต้องไปสืบ หนุมานจึงแปลงกายเป็นนางกำนัลปะปนเข้าไปในวัง ได้ทราบว่ามีเพียงนางคันธมาลีและนางกำนัลสี่คนเท่านั้นที่รู้ว่ากุมภกรรณ อยู่ที่ใด เมื่อรู้ดังนั้นจึงแปลงกายเป็นนกอินทรีบินอยู่เหนือวังพอเห็นนางคันธมาลีก็ ร่อนลงโฉบจับนางบินขึ้นไปบนฟ้าแล้วฆ่าตายเสียจึงแปลงร่างเป็นนางคันธมาลีไป เก็บดอกไม้กับนางกำนัลทั้งสี่ เมื่อไปถึงริมฝั่งที่กุมภกรรณทดน้ำก็กลายร่างคืนเป็น หนุมานดำลงไปใต้น้ำชักตรีเพชรทิ่มแทงกุมภกรรณจนไม่อาจนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงชักคทาประจำกายมาสู้รบกับหนุมาน แต่สู้ไม่ได้แล้วต้องหนีกลับกรุงลงกากลับมารายงานให้ทศกัณฐ์ทราบ ทศกัณฐ์กล่าวว่าที่ข้าศึกทำได้นี้เพราะพิเภกบอกอุบายให้ ดังนั้นในการที่กุมภกรรณจะออกไปรบในวันพรุ่งนี้ขอให้ฆ่าพิเภกเสียเพื่อจะได้ ไม่เป็นไส้ศึก บอกการตื้นลึกให้แก่พระรามต่อไป

(ห้องที่ 64) ในการออบรบในวันรุ่งขึ้นปรากฏว่ามีลางร้ายสารพัดแล้วท้ายสุดเมื่อกุมภกรรณ ออกรบกับพระรามก็ถูกพระรามแผลงศรพรหมมาสตร์ฆ่าตายก่อนสิ้นใจกุมภกรรณเห็น ร่างพระรามคือองค์พระนารายณ์อวตาร จึงทูลขอขมาและสำนึกผิดจึงขอให้พระองค์ช่วยส่งไปสวรรค์ชั้นฟ้ากับขอฝากพิเภก ผู้เป็นน้องชายด้วย ฝ่ายพิเภกเห็นพี่ชายตายก็เข้ากอดศพไว้แล้วรำพันถึงกุมภกรรณด้วยประการต่างๆ แล้วสะอื้นซบหน้าลงจนสิ้นสมประดี

*-*ตอนต่อไป ศึกอินทรชิต*-*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น