Asd

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตอนที่ 23 สุครีพหักฉัตร ศึกไมยราพ

(ห้องที่ 51) ฝ่ายทศกัณฐ์ตั้งแต่องคตมาสื่อสารและฆ่าสี่เสนาแล้วกลับไป ก็รู้สึกอับอายและแค้นใจอย่างแสนสาหัส จึงคิดจะหาทางแก้แค้น จึงนึกถึงฉัตรแก้วพิชัยโมลี ซึ่งเป็นฉัตรของท้าวธาดาพรหมผู้เป็นทวดปู่ได้มาตั้งแต่ตั้งกรุงลงกาขึ้นปัก บังดวงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้าด้านพระรามมืดมนมองไม่เห็นฝ่ายทศกัณฐ์ ข้างทศกัณฐ์เห็นฝ่ายพระรามตลอด พิเภกแนะนำให้ส่งทหารไปทำลายฉัตรแก้ว

สุ ครีพจึงได้อาสาไปหักฉัตรเอง ด้วยการนิมิตร่างใหญ่โตเท่าภูเขา เพื่อไม่ให้ข้าศึกมองเห็น จะได้ไม่เสียการณ์ที่ตั้งใจเพียงหักฉัตร เมื่อถึงฉัตรแก้วก็คลายเวทมนตร์ปรากฎตัวขึ้นหักฉัตร บริวาร ทศกัณฐ์ตกใจหนีกันหมด คงเหลือทศกัณฐ์ต่อสู้กับสุครีพอย่างละล้าละลัง เพราะระวังเหล่ามเหสีและสาวกำนัลทั้งหลาย สุครีพเอาเท้าขวาคว้ามงกุฎของทศกัณฐ์กลับมาถวายพระรามได้


ทศ กัณฐ์รู้สึกอัปยศอดสูและเจ็บช้ำระกำใจเป็นอย่างมากจากการที่หนุมานมาเผา เมืองลงกา องคตมาสื่อสารและพูดจาก้าวร้าว ล่าสุดสุครีพมาหักฉัตร ทศกัณฐ์จึงวางแผนที่จะหายักษ์ที่มีฤทธิ์และฝีมือเยี่ยมเพียงตนเดียว ที่สามารถแอบไปฆ่าพระราม พระลักษณ์ให้ตาย แล้วศึกระหว่างทั้งสองฝ่ายก็จะสงบลงโดยไม่ต้องให้ไพร่พลสู้รบ

(ห้อง ที่ 52) คิดได้ดังนั้นทศกัณฐ์จึงให้นนทวิกและวายุเวกไปทูลพญาไมยราพ เจ้าแห่งบาดาลมาพบตนในวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้นางจันทประภาผู้เป็นมารดาของพญาไมยราพเมื่อทราบว่าทศกัณฐ์มาขอให้พญา ไมยราพไปช่วยสู้รบกับพระรามซึ่งเป็นนารายณ์อวตารลงมา อีกทั้งตัวทศกัณฐ์เองประพฤติมิชอบเอง ไม่อยากให้พญาไมยราพไป ทั้งเกรงว่าหากพญาไมยราพไปรบก็อาจถูกพระรามฆ่าตาย

พญาไมยราพได้ยิน ดังนั้นก็โกรธและบอกว่าถ้าไม่ใช่มารดาก็จะฆ่าเสีย แล้วก็กระทืบบาทาลุกขึ้นหุนหันออกไปแล้วสั่งจัดทหารไปเฝ้าทศกัณฐ์ที่เมือง ลงกา เมื่อพบทศกัณฐ์แจ้งความประสงค์ให้พญาไมยราพทราบว่า การให้ทหารรบกันก็เหมือนสาดน้ำรดกัน ทั้งสองฝ่ายก็คงเปียกและถึงแก่ความตาย จึงอยากขอให้พญาไมยราพใช้เวทมนตร์สะกดทัพ แล้วไปฆ่าพระราม พระลักษณ์เพื่อให้สงครามยุติลง พญาไมยราพรับอาสา จึงขอเวลากลับไปเมืองบาดาลเพื่อเตรียมตัว เมื่อกลับมาเมืองบาดาล พญาไมยราพมีแผนที่จะสะกดทัพพระรามให้หลับ แล้วจับพระรามไปขังไว้ที่ดงตาลท้ายเมืองบาดาล จึงไปตั้งโรงพิธีที่เขาสุรกานต์ เพื่อประกอบพิธีบดยาใส่กล้องแก้ว ชื่อ กล้องปัจธำมราช แล้วใช้กล้องนั้นเป่ายาให้ผู้ที่ถูกยาหลับไป ตัวยาสำคัญที่จะต้องเอามาบดคือ หัวใจราชสีห์ และ ใบไม้ชนิดพิเศษ7อย่างซึ่งรู้หลับ กับเห็ดเมามาบดเข้าด้วยกันพร้อมกับร่ายพระเวทไปด้วย


ใน คืนวันนั้นพญาไมยราพฝันว่า พระจันทร์ส่องแสงสว่างกระจ่างฟ้า แล้วมีดาวเล็กดวงหนึ่ง ลอยอยู่เหนือพระจันทร์และส่องแสงสว่างจนไม่เห็นพระจันทร์ เมื่อให้โหรทำนายได้ความว่า พระจันทร์นั้นคือพญาไมยราพ ส่วนดาวดวงน้อยที่ส่องซึ่งมีแสงสว่างมากกว่าพระจันทร์คือ ไวยวิก บุตรนางพิรากวน พญาไมยราพจึงสั่งให้เอาไวยวิก และ นางพิรากวนไปใส่ตรวนขังไว้ในตรุใหญ่และบอกด้วยว่า ถ้าได้มนุษย์มาเมื่อไร ก็จะฆ่าเสียด้วยกัน

ในเวลาเดียวกันพระรามได้ฝันว่า พระอาทิตย์ทรงกลดแล้วมียักษ์เป็นราหูมาคาบเอาตัวไป ฝ่ายพระรามก็ยื่นมือมาหักฉัตรที่ชั้นพรหมโลกได้ ส่วนเท้าของพระรามก็เหยียบไปถึงพิภพนาค พระรามจึงให้พิเภกทำนายฝัน พิเภกทูลว่า พระอาทิตย์ทรงกลดนั้นหมายถึงองค์พระราม และฝันที่ว่าอสุรินทร์ราหูมาคาบคั้นนั้นคือ ไมยราพจะมาสะกดจับเอาตัวพระรามไปถึงเมืองบาดาลแต่ไม่มีอันตรายใด เพราะจะมีทหารตามไปฆ่าไมยราพ ส่วนที่ฝันว่าได้หักฉัตรชั้นพรหมโลกนั้น เป็นพระสุบินที่ประเสริฐยิ่งนัก พระองค์คงจะมีชัยแก่พวกยักษ์ และที่ฝันว่าพระบาทเหยียบพิภพนาคีนั้นหมายความว่า พระเดชของพระรามจะแผ่ไปถึงเมืองบาดาล อีกทั้งทูลว่าพระรามจะมีเคราะห์ร้ายมากและจะพ้นเคราะห์เมื่อถึงเวลา ๑.๐๐ นาฬิกา (ห้องที่ 53) หนุมานจึงรับอาสาหาวิธีป้องกันโดยนิมิตตนใหญ่เท่าเขาจักรวาล และเอาหางวงเป็นปราการล้อมรอบกองทัพลิง โดยอ้าปากอมพลับพลาไว้ในอก และใช้ลิ้นเป็นประตูเปิดปิด โดยมีสุครีพเป็นนายประตู และสิบ แปดมงกุฏเป็นสารวัตรคอยตรวจตราภายในบริเวณกองทัพซึ่งล้อมรอบด้วยหางหนุมาน เป็นปราการ ส่วนพญาพิเภกและพระลักษณ์มีหน้าที่นั่งเฝ้าพระราม


**ตอนต่อไป ไมยราพสะกดทัพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น