(ห้องที่ 46) การเดินทางไปยังเมืองลงกาของพระรามเพื่อให้สมเกียรตินั้น ชามพูวราชได้เสนอว่า ควรให้ลิงไปขนหินมาทิ้งทะเลเป็นถนนให้พวกพลเดินข้ามไปเมืองลงกาจะเป็นการ เฉลิมพระเกียรติพระรามไปชั่วกัลปวสาน
พระรามเห็นด้วยกับข้อเสนอจึง ได้สั่งให้สุครีพ ให้นิลพัทคุมพลลิงฝ่ายเมืองชมพูและให้หนุมานคุมพลลิงฝ่ายขีดขิน ผลัดกันรับส่งหินไปทิ้งลงสมุทรใหญ่ เพื่อทำเป็นถนนข้ามไปยังเกาะลงกา ซึ่งการแบ่งพลลิงสองเมืองออกเป็นสองฝ่ายดังนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นิล พัทและหนุมานเกิดลองฝีมือกัน สุครีพเห็นสองพญาวานรต่อสู้กัน ร้องห้ามเท่าไรก็ไม่ฟังจึงยืนกลางขวางหน้าไม่ให้รบกัน จนเสียงดังอื้ออึง พระรามจึงออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อทราบเรื่องจากสุครีพก็ทรงกริ้วมากเห็นว่าทั้งสองเหมือนช้างสารกล้าบ้า มันจะไว้โรงเดียวกันนั้นไม่ได้ จึงเปลี่ยนให้นิลพัทไปรั้งเมืองขีดขินซึ่งท้าวชมพูแต่ผู้เดียวต้องรักษาการ อยู่ทั้งเมืองชมพูและเมืองขีดขิน ส่วนหนุมานนั้นให้อยู่รับใช้พระรามต่อไป ดังนั้นการขนหินมาถมทะเลทำเป็นถนนก็ดำเนินการต่อไป
(ห้องที่ 47) ฝ่ายพวกยักษ์เห็นมีกองทัพเคลื่อนมาจากแผ่นดินใหญ่ทำสะพานจะข้ามมายังเกาะลงกาจึงรีบไปทูลทศกัณฐ์ทราบ ทศกัณฐ์จึงสั่งนางสุพรรณมัจฉาที่ มีแม่เป็นปลาไปเกณฑ์ฝูงปลามาขนหินออก ฝ่ายสุครีพและหนุมานเห็นว่าจองถนนเท่าไรก็ไม่เต็มเสียที หนำซ้ำหินที่ถมไปยังเบาบางลงอีกด้วย หนุมานอาสาดำลงไปดูใต้ทะเล จึงพบว่ามีฝูงปลากำลังเร่งขนหินไปทิ้ง โดยมีนางสุพรรณมัจฉาเป็นผู้บงการ จึงรีบรุดไปจับตัวมานางสุพรรณมัจฉาด้วยความกลัวจึงยอมสารภาพและร้องขอชีวิต ด้วยนางมีใบหน้าอ่อนหวานงดงามอีกทั้งน้ำเสียงก็ไพเราะเสนาะโสต หนุมานจึงตกหลุมรักและได้ร่วมรักกับนาง พร้อมกันนั้นได้ขอให้ฝูงปลานำหินไปไว้ที่เดิม
(ห้อง ที่ 48) ต่อมานางสุพรรณมัจฉาตั้งครรภ์แต่กลัวอาญาจากทศกัณฐ์จึงแอบมาสำรอกลูกไว้บน ชายฝั่งเป็นโอรสผิวขาวกายเป็นลิงหางเป็นปลา มีชื่อว่ามัจฉานุ แล้วนางได้รับสั่งกับลูกว่าวันหนึ่งเมื่อพบหนุมาน มีกุณฑล ขนเพชร เขี้ยวแก้ว หาวเป็นดาวเป็นเดือน ผู้นั้นคือพ่อของเจ้าเอง ฝ่ายไมยราพซึ่งครองเมืองนครบาดาลออกท่องเที่ยวไปชายทะเลได้พบมัจฉานุก็นึกชอบพอจึงเก็บมาเลี้ยงไว้ที่เมืองบาดาล
(ห้อง ที่ 49) ฝ่ายพระรามเมื่อจองถนนข้ามไปสู่ลงกาเสร็จก็ออกเดินทัพ พระอินทร์หรือท้าวสหัสนัยน์ใช้ตาทิพย์ส่องมายังโลกมนุษย์ก็เห็นกองทัพพระราม เตรียมพล เพื่อเดินทางไปปราบทศกัณฐ์ เห็นพระรามต้องเดินด้วยพระบาทไม่มีรถทรงแต่อย่างใด จึงสั่งมาตุลีนำรถแก้วเวไชยันต์ นำม้าที่แกล้วกล้าเหาะลงมามอบให้พระราม พร้อมกับมาตุลีเป็นสารถีประจำรถม้ารับใช้ไปจนกว่าจะเสร็จศึกสงครามพระราม ยินดีเป็นยิ่งนัก พระราม พระลักษณ์ขึ้นรถทรงเวไชยันต์ แล้วเคลื่อนขบวนทัพผ่านถนนที่จองเสร็จ สู่เขาเชิงมรกตโดยให้ประคนธรรมล่วงหน้าไปตรวจชัยภูมิก่อนเพื่อตั้งทัพอีก ครั้งจึงพักรอที่ริมน้ำ
ฝ่ายกองคอยเหตุยักษ์เมื่อเห็นมีกองทัพข้ามมา จึงไปรายงานให้ทศกัณฐ์ทราบว่าคณะพระรามได้มาหยุดพักอยู่ที่ริมน้ำ ทศกัณฐ์จึงสั่งยักษ์ชื่อ ภานุราชให้รีบไปป่า นิมิตพรรณไม้นานา มีผลเกลื่อนกลาด มีน้ำท่าและภูมิประเทศสวยงาม แต่เจือไปด้วยยาพิษ ส่วนต้นไม้ที่ออกดอกออกผลมีกลิ่นหอมหวานแต่ใบต้นเบื่อเมา แล้วภานุราชก็แทรกแผ่นดินลงไป เอาสองมือยันพื้นแผ่นดิน เมื่อประคนธรรมมาดูสถานที่เพื่อตั้งทัพพลับพลาเห็นที่นิมิตของยักษ์กว้าง ขวาง น้ำท่า ผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์จึงกลับมาทูลพระราม
พระรามจึง ถามพิเภกว่าป่านั้นชื่ออะไร พิเภกบอกว่าไม่มีป่าดังกล่าวที่เกาะลงกาและคิดว่าเป็นแผนของทศกัณฐ์ให้มา นิมิตป่านี้ไว้ พระรามจึงสั่งหนุมานให้ออกไปดูอีกครั้ง ประคนธรรมพาหนุมานไปที่ป่าดังกล่าว หนุมานสังเกตว่าแม้ป่ามีความอุดมสมบูรณ์แต่กลับไม่มีสิงสาราสัตว์แม้แต่นก จิกกินผลไม้ก็ไม่มี จึงรู้ว่าเป็นกลของยักษ์และอาจมียักษ์ซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน จึงแทรกตัวลงดินไปดูเห็นยักษ์นิมิตกายใหญ่โตชูแผ่นดินไว้ หนุมานจึงชักตรีออกฆ่าภานุราชตาย เมื่อกลับมารายงานพระรามทรงกริ้วประคนธรรมมากที่ให้ไปดูเพียงสถานที่เท่า นั้นก็ไม่ได้เรื่อง จึงขับไล่ให้กลับไปอยู่ที่เดิม
Asd
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น